เมื่อวันที่ 24 พ.ค. “ทนายเดชา” หรือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า สว.บางคน จากเดิมเคยเอาใจ คุณประยุทธ์และคุณประวิตร หลังจากทั้งสองคนเริ่มหมดอำนาจ ก็เปลี่ยนมาเอาใจพรรคเพื่อไทยแทน? #สวเปลี่ยนสี? พร้อมทั้งได้แสดงความคิดผ่าน #บทวิเคราะห์การเมืองจากทนายเดชา ว่า

หลังจากที่มี สว. 40 คน รวมตัวกันยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต และความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายกเศรษฐา สิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากมีการกระทำในลักษณะที่อาจจะฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงและอาจเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ เพราะไปแต่งตั้งนายพิชิต ซึ่งมีตำหนิและมีประวัติการถูกศาลสั่งให้จำคุก 6 เดือน กรณีถุงขนมและยังถูกสภาทนายความลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ชัดแจ้งอยู่แล้ว

แต่ นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงดันทุรังแต่งตั้งคนที่มีปัญหาด้านจริยธรรม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ จึงยื่นคำร้องต่อศาลให้ทำการตีความและถอดถอนออกจากตำแหน่งครับ ตัวเองหรือจะทำเพื่อใครเป็นเรื่องที่ดีครับ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบถึงแม้จะมาทำตอนที่จะหมดอำนาจแล้วก็ตาม แต่ก็ดีกว่ากินเงินเดือนกินภาษีแล้วไม่ทำอะไรเลย

ขณะเดียวกันก็จะมี สว. บางส่วนที่พยายามเปลี่ยนสีจากเดิมเคยสนับสนุนคนที่เคยแต่งตั้งตัวเองมา คือ พลเอกประวิตร และพลเอกประยุทธ์ เปลี่ยนใหม่มาเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทยแทน คอยวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ สว. 40 คน ว่า โกรธแค้นเขาเรื่องอะไร ทำไมต้องมาทำเรื่องที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นสาระ คนพวกนี้ก็เปลี่ยนสีจากเดิมสนับสนุนคณะรัฐประหาร เมื่อคณะรัฐประหารหมดอำนาจก็เปลี่ยนสีมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยแทน โดยทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยพี่น้องประชาชนก็ตัดสินกันเอาเองนะครับ

การเลือกตั้ง สว. ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ก็มีสภาพแบบเดียวกัน พรรคการเมืองที่มีอำนาจในรัฐบาลบางพรรคก็เตรียมตัวที่จะช้อนซื้อ สว. ที่จะได้มาจากการเลือกตั้งใหม่เพื่อไว้เป็นพวกตัวเอง แหล่งข่าวที่ผมได้มาเป็นแบบนี้ครับ ดังนั้นการจะเลือก สว. ต้องเลือก สว. ที่ทำเพื่อประชาชนไม่ใช่ สว. ที่เข้าไปแล้วขายตัวเองขายจิตวิญญาณเพื่อผู้มีอำนาจในรัฐบาล

ที่กล่าวมาข้างต้นผมไม่ได้หมายถึงรัฐบาลไหนนะครับ มันเป็นทุกข์รัฐบาลครับ ความจริงที่ประชาชนควรรู้ นักการเมืองบางคนมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนจริยธรรมไม่มีอุดมการณ์ไม่มีจุดยืน คนเหล่านี้ไม่ควรเลือกเข้าไปเป็น สว. หรือ สส. นะครับ

ผมเชื่อว่าหลังจากศาลมีคำสั่งรับคำร้องที่ สว. ยื่นคำร้องต่อศาลให้วินิจฉัยเกี่ยวกับนายกฯ เศรษฐา เชื่อว่าต้องมีการต่อรองทางการเมืองอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้พรรคเพื่อไทยตกที่นั่งลำบาก ไม่มีผลงานในการบริหารประเทศเศรษฐกิจตกต่ำมากที่สุดในอาเซียนเป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งยังมีความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลที่มารวมกันในลักษณะข้ามขั้วอุดมการณ์ตรงกันข้ามเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้กระทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนประเทศชาติก็คงย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ การต่อรองทางการเมืองก็มากขึ้น เห็นบรรยากาศการเมืองตอนนี้แล้วสงสารประชาชนครับ สิ่งที่ทำได้คือช่วยเหลือตัวเองครับ อย่าหวังพึ่งนักการเมืองยุคนี้เลย เพราะรวมตัวกันเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น

อำนาจเก่าอนุรักษนิยมกับพรรคเพื่อไทยก็พยายามที่จะจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัว แต่มันก็ยังไม่ลงตัว เพราะตำแหน่งมันมีน้อย จึงเป็นที่มาของการร้องถอดถอนนายกฯ และนายพิชิต.