สงครามการค้าโลกยังไม่มีท่าทีสิ้นสุดง่ายๆ เมื่อล่าสุด สหรัฐ ได้เปิดฉากใช้มาตรการทางภาษีกับจีน (ภายใต้มาตรา 301 ของ Trade Act 1974) ครอบคลุมสินค้ามูลค่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม อันนำมาสู่การตอบโต้ทางภาษีของรัฐบาลจีนต่อมา

จึงเป็นที่น่าจับตาว่า สงครามการค้าโลก สหรัฐ-จีน ครั้งนี้ จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงการค้าของไทย มากน้อยแค่ไหน ล่าสุด สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) มันสมองของกระทรวงพาณิชย์ ได้วิเคราะห์ สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่  

โดยระบุว่าสงครามการค้ารอบนี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบที่รุนแรงนัก เมื่อเทียบกับสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในปี 2561 ที่ครอบคลุมมูลค่าสินค้ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าอาจมีผลทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อเศรษฐกิจการค้าไทยบ้าง สำหรับสินค้าที่อาจได้อานิสงส์จากการที่สหรัฐ ใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน โดยการส่งออกสินค้าทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม และถุงมือยาง

ขณะที่กรณีรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อรถยนต์ไฟฟ้าของไทย เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายราย มีเป้าหมายในการผลิตเพื่อขายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ พบว่าจากสถิติที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกรถยนต์ทั้งคันจากไทยไปยังสหรัฐ น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกชิ้นส่วนของรถยนต์ประเภทสันดาปภายใน และตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนีย โดยเฉพาะออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน รวมถึงความขัดแย้งในภูมิภาคอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและต้นทุนสินค้า ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก-นำเข้าของไทยอย่างไร รวมถึงแสวงหาโอกาสและดำเนินการเชิงรุกในการรับมือกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น

แต่ที่แน่ๆ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจการค้าโลกและไทย ต่อไปอย่างแน่นอน