จากเด็กเกเร เรียนแทบไม่จบ สมัยก่อนเล่นบอลก็ไม่ได้จริงจัง ไปแข่งรายการดังของประเทศก็ตกรอบซ้ำซาก
วันนี้ อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ ก้าวสู่จุดสูงของชีวิต ติดทีมชาติไทยครั้งแรกในวัย 28 ปีเข้าไปแล้ว
ผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา กับ “ราชันโคขาว” ลำพูน วอริเออร์ ที่ยิงไปได้ถึง 9 ประตู จากการลงเตะครบทั้ง 30 เกม ทำให้ฟอร์มเข้าตา มาซาทาดะ อิชิอิ เรียกมาติดทัพช้างศึก ลุย 2 เกมชี้ชะตาในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่จะเยือนจีน วันที่ 6 มิ.ย. และเปิดบ้านพบ สิงคโปร์ วันที่ 11 มิ.ย.

หนุ่มจากชุมพร “เจ” อัครพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับเพจช้างศึก ยอมรับว่า สมัยวัยรุ่น เขาก็เกเรตามวัย มีออกนอกลู่นอกทาง
เล่นฟุตบอลก็ไม่ได้จริงจัง อคาเดมีไม่เคยเข้า ทีมชาติเยาวชนไม่เคยติด
จุดเริ่มต้นไม่มีวี่แววเลยว่า จะก้าวมาติดธงในวันนี้
เขาเล่าว่า สมัยเด็ก เรียนกับปทุมคงคา เคยเล่นรายการโด่งดังของประเทศ ฟุตบอลโค้กคัพ ในนามการท่าเรือ เอฟซี แต่ก็ไม่มีผลงานอะไร
“ตกรอบแรก 2 ปีซ้อน”

สู่รั้วมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต งอแงไม่ยอมเรียน จนครอบครัวต้องขอร้อง เพราะเป็นห่วงอนาคต จึงตัดสินใจกลับไปเรียนที่บ้านเกิด จ.ชุมพร จนจบคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ของ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร (วิทยาลัยพละชุมพร)
ช่วงฝึกงาน ไปฝึกกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แต่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอล
จุดเปลี่ยนคือพอเรียนจบก็ตัดสินใจ ขอทำตามหัวใจตัวเอง ตกผลึกว่า “ฟุตบอล” คือสิ่งที่อยากทำ จึงบอกครอบครัวขอลุยตามฝัน จะรุ่ง หรือร่วงก็ว่ากัน แค่ทำให้ดีที่สุด
ด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความคิดต่างกันไป เป้าหมายคือฟุตบอลลีก
หิ้วสตั๊ดคู่เดียว ไป บ้านบึง ภูเก็ต ซิตี้ บอก “โค้ชปอนด์” จงสฤษดิ์ วุฒิช่วย ว่าขอซ้อมพิสูจน์ตัวเอง 1 อาทิตย์ ถ้าไม่ดีก็จะไป

แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เขาเดินทางไกล ไปถึงการเล่นลีกสูงสุด และเป็น “กัปตันทีม” ของลำพูน วอริเออร์
ถามว่าเคยฝันติดทีมชาติไหม เจ้าเจ ก็ยอมรับว่า คิดไว้ลึกๆ เหมือนกัน ว่าอยากติดในปีนี้
เกมเข้าตา อาจเป็นแมตช์ที่ ลำพูน เปิดบ้านชนะ บีจี ปทุม 2-0 เมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ อิชิอิ โค้ชคนขยันไปดูด้วย

โมเมนต์สำคัญ รู้ตัวว่าติดทีมชาติ เจ้าตัวบอกว่า “มือไม้สั่นไปหมดเลย มันบอกไม่ถูก มันเกินกว่าฝันที่เราตั้งเอาไว้”
เป็นรางวัลแห่งความมุ่งมั่น ที่พร้อมส่งไปถึงนักฟุตบอลทุกคน
ไม่ว่าจะโนเนม เคยมีเส้นทางอย่างไร แต่วันนี้ถ้าพิสูจน์ตัวเองว่า ดีพอสำหรับทีมชาติไทย
ทีมชาติไทยก็พร้อมอ้าแขนรับ.
(ขอบคุณข้อมูลจาก ช้างศึก)