ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., บก.สส.ภ.4, กก.สส.บก.น.4, กก.สส.ภ.จว.มหาสารคาม, สน.วังทองหลาง, สภ.ยางสีสุราช จว.มหาสารคาม บูรณาการสืบสวนเร่งล่าหาตัวกลุ่มขบวนการจ้างวานลอบสังหาร “เสี่ยต้น” ซึ่งถือว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจและเป็นที่สนใจของประชาชน
โดยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., กก.สส.บก.น.4, สน.วังทองหลาง ร่วมกับ บก.สส.ภ.4, กก.สส.ภ.จว.มหาสารคาม และ สภ.ยางสีสุราช จว.มหาสารคาม เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น นำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ ดังนี้
1. น.ส.วรรณิภา หรือ มด อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2562/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ผู้ต้องหาที่ 1
2. นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2560/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ผู้ต้องหาที่ 2
3. นายวีรภัทร อายุ 25 ปี ซึ่งรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2561/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ผู้ต้องหาที่ 3
พร้อมได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้เป็นของกลาง ดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง, แท็บเล็ต จำนวน 2 เครื่อง, สมุดบัญชี จำนวน 8 เล่ม และเอกสารสำคัญประจำตัว จำนวนมาก โดยยึดจากผู้ต้องหาที่ 1
2.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. สีเงิน จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. สีดำ จำนวน 1 กระบอก รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด โดยอาวุธปืนพกสั้นสีเงิน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้โยนทิ้งบ่อน้ำหลังห้องนอน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถงมและตรวจยึดไว้ ส่วนอาวุธปืนพกสั้น สีดำ อีก 1 กระบอก สามารถยึดได้ภายในห้องนอนของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว
3.โทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone 11 จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว
4.โทรศัพท์เคลื่อนที่ NOKIA รุ่น C12 จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 ได้ภายในห้องพักดังกล่าว
5.โทรศัพท์มือถือ iPhone XR สีแดง จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาที่ 3 โดยยึดได้ภายในห้องพักซึ่งถูกจับกุม
6.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น MSX 125SF สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้นำพาไปตรวจยึดภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ (รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ)
พฤติการณ์ในคดีนี้ กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุ (8 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 23.35 น. เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ประกบข้างรถยนต์ของนายพิชิต กลีบจินดา เจ้าของธุรกิจโรงเรียนสอนสปาและนวดแผนไทย และใช้อาวุธปืนพยายามฆ่านายพิชิต (เสี่ยต้น) กลีบจินดา ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งทางนายพิชิต ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกับพวกรายดังกล่าวตามกฎหมาย ต่อมาในวันที่ 15 เมษายน 2567 นายพิชิต ได้เดินทางกลับไปยังบ้านของภรรยาที่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม และหลังจากนั่งทานอาหารและดื่มสุรากันที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว ในช่วงเช้าของวันที่ 16 เมษายน 2567 นายพิชิต ก็ถูกพบว่าเสียชีวิตที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมาญาติของนายพิชิต ได้สงสัยในสาเหตุการเสียชีวิต และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน
เลือดเย็น! เผย ‘เมียเสี่ยต้น’ วางแผนสั่งตายตั้งแต่ มี.ค. จัดหามือปืนผ่านแอปมือถือ
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายในคดีนี้ประกอบด้วย
[ผู้ต้องหาที่ 1] น.ส.วรรณิภา หรือมด ภรรยาของผู้เสียชีวิต อายุ 37 ปี เป็นผู้ใช้จ้างวาน/และชี้เป้า
[ผู้ต้องหาที่ 2] นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี ทำหน้าที่เป็นธุระจัดหา อาวุธปืน ที่พัก ยานพาหนะ และสถานที่ในการเตรียมการก่อเหตุในครั้งนี้
[ผู้ต้องหาที่ 3] นายวีรภัทร อายุ 25 ปี จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การรับว่าทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ให้มือปืน
[ผู้ต้องหาที่ 4] นายณัฐพล อายุ 25 ปี ทำหน้าที่รับว่าจ้างงาน/มือปืน (อยู่ระหว่างหลบหนี)
โดยในแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายพิชิต ผู้ตาย ได้ทะเลาะวิวาทกับ น.ส.วรรณิภา หลายครั้ง และมีการทำร้ายร่างกายกัน เป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดการก่อเหตุดังกล่าว ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567 น.ส.วรรณิภา ได้มีการเริ่มหามือปืนเพื่อก่อเหตุ ต่อมาได้เริ่มมีการติดต่อกับนายณัฐพล มือปืน และนัดหมายกัน ต่อมาวันที่ 1 เมษายน 2567 นายณัฐพล ได้เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพมหานคร และได้นัดพบกับ น.ส.วรรณิภา จากนั้น น.ส.วรรณิภาได้โอนเงินให้กับนายณัฐพล ตั้งแต่วันที่ 1-7 เมษายน 2567 จำนวน 45,500 บาท และรับเป็นเงินสดอีกภายหลัง รวมเป็นจำนวนกว่า 300,000 บาท
การเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุของนายณัฐพลในครั้งนี้นั้น มีนายสาโรจน์ ให้การช่วยเหลือ จัดหาที่พัก จัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุให้ ซึ่ง น.ส.วรรณิภา ได้โอนเงินจำนวน 33,000 บาท ให้กับนายสาโรจน์ เป็นค่าจ้างในครั้งนี้ด้วย ระหว่างนั้น น.ส.วรรณิภาและนายณัฐพล มือปืน ได้มีการติดต่อกัน โดย น.ส.วรรณิภา จะคอยแจ้งความเคลื่อนไหวให้นายณัฐพล มือปืนทราบอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายณัฐพล มือปืนทราบความเคลื่อนไหวของนายพิชิต ก็ได้มีความพยายามวางแผนเพื่อลงมือก่อเหตุประมาณ 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมา นายณัฐพล มือปืน กับ น.ส.วรรณิภา ได้ร่วมกันวางแผนล่อให้ นายพิชิต เดินทางมายังโรงเหล้าแสงจันทร์ เพื่อให้มือปืนลงมือก่อเหตุ
วันที่ 8 เมษายน 2567 (วันเกิดเหตุ) ได้นัดหมายนายพิชิต ให้ไปที่ร้านแสงจันทร์ เมื่อนายพิชิต ไปถึงร้านแสงจันทร์แล้ว น.ส.วรรณิภาได้ยกเลิกนัดกับนายพิชิต นายพิชิตจึงได้เดินทางกลับบ้าน และต่อมาไม่นานก็ถูกคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนประกบยิง หลังจากนั้น นายพิชิต ได้ไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง จากการสืบสวนติดตามจากภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางก่อเหตุของคนร้ายพบว่า ก่อนก่อเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอยรามอินทรา 62 และหลังจากก่อเหตุยิงแล้ว ก็หลบหนีเข้าไปในซอยรามอินทรา 62 ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า นายสาโรจน์ มีบ้านพักอยู่ภายในซอยรามอินทรา 62
หลังจากเกิดเหตุ น.ส.วรรณิภา หรือมด ได้มีการนัดหมายให้ นายพิชิต ไปที่บ้านเกิดของ น.ส.วรรณิภา อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อไปพูดคุยเรื่องปัญหาครอบครัว โดย น.ส.วรรณิภา เป็นผู้จองตั๋วเครื่องบินให้กับนายพิชิตเพื่อเดินทางไปจังหวัดมหาสารคาม น.ส.วรรณิภา ยังบอกด้วยว่า หากนายพิชิต ไม่เดินทางมาจะตัดขาดความสัมพันธ์ และ น.ส.วรรณิภา จะขายทุกอย่างให้หมด
“มด” เมียเสี่ยต้นหน้านิ่งตร.คุมสอบเข้ม ทีมสังหารปัดไม่รู้ใครเป็น “ผู้จ้างวาน”
โดยเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2567 หลังจากที่นายพิชิต มาถึงที่บ้านของ น.ส.วรรณิภา ที่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม แล้วนั้น ได้มีการล้อมวงดื่มสุรากัน ซึ่งมีพยานยืนยันว่า ในคืนนั้น นายพิชิต อยู่กับ น.ส.วรรณิภา เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะพบว่า นายพิชิตเสียชีวิตในเช้าวันที่ 16 เม.ย. 2567 หลังจากที่นายพิชิตเสียชีวิต น.ส.วรรณิภา พูดจาหว่านล้อมญาติทุกคนว่าไม่ให้มีการผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งที่ญาติได้มีการทักท้วงแล้วว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ แต่ น.ส.วรรณิภากลับมีการเร่งให้เผาศพทันที เป็นการพยายามทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ ทั้งนี้ น.ส.วรรณิภาได้เสนอผลประโยชน์และทรัพย์สินต่างตอบแทนให้กับญาติของนายพิชิต
โดยการจับกุมครั้งนี้ น.ส.วรรณิภา ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจับได้ภายในห้องพักของคอนโดฯหรู ย่านรามคำแหง เขตหัวหมาก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 67 เวลา 06.30 น. จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสาโรจน์ ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกจับกุมได้ ภายในบ้านซอยรามอินทรา 62 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลา 06.30 น.
จากการสอบถามนายสาโรจน์ให้การภาคเสธว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มี นางสาววรรณิภา ติดต่อและจ้างวานให้เป็นธุระจัดหาในเรื่องอาวุธปืน ยานพาหนะ ติดต่อประสานหามือปืน โดยได้รับเงินโอนจากนางสาววรรณิภา เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท และได้โอนต่อให้แก่มือปืนที่ก่อเหตุยิงในคดีนี้ ส่วนนายวีรภัทร ผู้ต้องหาที่ 3 ถูกจับกุมได้ ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเคหะนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 08.30 น. จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 3 ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายซึ่งใส่เสื้อแจ๊กเกตสีส้ม ในวันและเวลาเกิดเหตุ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางที่นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจยึดพามือปืนไปก่อเหตุพยายามฆ่า “เสี่ยต้น” ในพื้นที่สน.วังทองหลางจริง โดยได้รับค่าจ้างจากมือปืนเป็นเงินสดจำนวน 4,000 บาท
ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการกระทำผิด พบว่า นายวีรภัทร เคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย” ที่ สภ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อปี 2559 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ทำการสืบสวน ขยายผล หาตัวผู้มีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดนี้ที่เหลือทั้งขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ซึ่งจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนางสาวมด ภรรยาเสี่ยต้น พบว่ามีการพูดคุยผ่านทางแอป ไลน์ในการว่าจ้างมือปืนจริง โดยพบพยานหลักฐานข้อความติดต่อกับนายณัฐพล มือปืนซึ่งยังหลบหนี และมีการส่งสลิปโอนเงินให้กับมือปืน รวมถึงนัดเจอกับมือปืนรายดังกล่าว แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นนางสาวมด ยังให้ภาคเสธอ้างว่า เคยมีปัญหากันกับเสี่ยต้นจริง แต่ไม่ถึงขั้นลงมือฆ่า
ที่มา #สืบนครบาล