สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศาลอิรักตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และประหารชีวิตชาวอิรักหลายร้อยคน ที่มีความผิดฐาน “ก่อการร้าย” ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม ประณามการพิจารณาคดีว่า “ด่วนสรุป”

ภายใต้กฎหมายอิรัก ความผิดในข้อหาก่อการร้ายและฆาตกรรม มีโทษประหารชีวิต และคำสั่งประหารชีวิตต้องได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีอิรัก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า ชาวอิรัก 10 คน ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อการร้าย และเป็นสมาชิกกลุ่มไอเอส ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ที่เรือนจำอัล-ฮุต ในเมืองนาซิริยาห์ ทางตอนใต้ของประเทศ ตามมาตรา 4 ของกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย

เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้สันทัดกรณีของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกกับจำนวนการประหารชีวิตในอิรัก ที่เปิดเผยต่อสาธารณะนับตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งมากเกือบ 400 ราย รวมถึง 30 รายในปีนี้

“เมื่อการประหารชีวิตตามอำเภอใจ เกิดการแพร่หลายในกว้าง และมีพื้นฐานที่เป็นระบบ มันอาจถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” ผู้จัดทำรายงานพิเศษ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการประหารชีวิตนอกกระบวนการยุติธรรม, การประหารชีวิตอย่างรวบรัด และการประหารชีวิตตามอำเภอใจ กล่าว

ทั้งนี้ บรรดาผู้สันทัดกรณีเรียกร้องให้ทางการอิรัก “ยุติการประหารชีวิตทั้งหมด” เช่นเดียวกับนางราซาว ซาลิฮี นักวิจัยด้านอิรัก ขององค์การนิรโทษกรรมสากล “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่กล่าวว่า ทางการอิรักต้องหยุดการประหารชีวิตทันที เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมที่ทำให้ผู้คนนับพันต้องถูกประหารชีวิต และอยู่ในสภาพเลวร้ายที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES