เมื่อไม่นานมานี้ ดร.แซค เทอร์เนอร์ นายแพทย์ชาวออสเตรเลียและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังด้านวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้ตอบคำถามของหนุ่มนักเล่นเซิร์ฟที่สงสัยว่า หากคนเรางดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งกำลังเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับร่างกายของเรา
ดร.เทอร์เนอร์ชี้ว่า โดยธรรมชาติ แอลกอฮอล์นั้นเป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้น หากงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 เดือน ย่อมส่งผลดีที่เห็นได้ชัดซึ่งอาจแบ่งเป็น 5 หัวข้อดังนี้
1. ตับทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากตับคืออวัยวะที่รับหน้าที่ย่อยแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้าเป็นประจำย่อมทำให้ตับทำงานหนัก หากงดดื่มเหล้า 1 เดือน ตับจะผลิตเอนไซม์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อโรคตับต่าง ๆ ได้ รวมถึงลดปริมาณไขมันที่จะมาพอกตับและอาการอักเสบของตับ
2. นอนหลับได้ดีขึ้น เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์รบกวนวงจรการนอนหลับ แม้ว่าในช่วงแรก ๆ ของการดื่มอาจจะทำให้เรารู้สึกง่วงหรือหลับ แต่จะเป็นการนอนหลับที่ไร้คุณภาพ การงดแอลกอฮอล์จะทำให้เราหลับลึกขึ้นและร่างกายพักผ่อนได้มากขึ้น
3. สมองทำงานได้แจ่มใสขึ้น โดยเฉพาะการทำงานเกี่ยวกับความทรงจำ การเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ มีสมาธิมากขึ้น คิดแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
4. น้ำหนักตัวอาจจะลดลง เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักจะมีแคลอรีสูง ซึ่งทำให้ผู้ที่ดื่มเป็นประจำมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ง่าย การงดดื่มเหล้าจึงอาจช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้เรารู้สึกว่ามีพลังงานในตัวเพิ่มขึ้น
5. มีสภาวะอารมณ์ที่มั่นคง การดื่มเหล้ามักจะทำให้ผู้ดื่มมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ และอาจจะไปกระตุ้นให้ความวิตกกังวลหรือความรู้สึกซึมเศร้ารุนแรงขึ้น เมื่อเรางดดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ไปสักระยะหนึ่ง สภาวะทางอารมณ์ของเราจะมั่นคงขึ้น มีความวิตกกังวล ไม่ค่อยรู้สึกกระวนกระวายหรือรู้สึกซึมเศร้าน้อยลง
ดร.เทอร์เนอร์อธิบายว่า ความเปลี่ยนแปลงอาจปรากฏให้เห็นหลังจากงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไปหลาย ๆ วันแล้ว และจะยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่องดดื่มเหล้านานขึ้น เรียกว่างดดื่มได้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
ที่มา : news.com.au
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES