สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ต.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้าหลังกองทัพอิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน “ในวงจำกัด” ตามหมู่บ้านหลายแห่งทางตอนใต้ของเลบานอน ตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น โดยอิสราเอลให้เหตุผลว่า เพื่อเดินหน้าภารกิจทางทหาร ในการปราบปรามกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และในเวลาเดียวกัน มีรายงานการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายหลายแห่งในซีเรีย ซึ่งรัฐบาลดามัสกัสกล่าวว่า เป็นปฏิบัติการของอิสราเอลนั้น


พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล และ “เห็นพ้องต้องกัน” เกี่ยวกับ “ความจำเป็น” ของการโจมตีและทำลายโครงสร้างพื้นฐานตามแนวพรมแดนระหว่างภาคเหนือของอิสราเอล กับภาคใต้ของเลบานอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับอิสราเอล ว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีอิสราเอล แบบเดียวกับที่กลุ่มฮามาสเคยก่อเหตุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566


อย่างไรก็ตาม พล.อ.ออสติน ยังคงเน้นย้ำ “ความสำคัญและความจำเป็นสูงสุด” ของการดำเนินการตามแนวทางการทูต เพื่อบรรเทาความตึงเครียดข้ามพรมแดนระหว่างคู่กรณีทุกฝ่าย ตลอดแนวพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า อิหร่าน “จะเผชิญกับผลกระทบร้ายแรง” หากเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีอิสราเอล.

เครดิตภาพ : AFP