เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 พ.ย. 67 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อหารือถึงการผลักดันการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรคก้าวไกล โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้ทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนก่อนแก้รัฐธรรมนูญ
ภายหลังการเข้าพบนายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นข้อถกเถียงขณะนี้คือ การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็น 2 หรือ 3 ครั้ง หากย้อนไปต้นปี 2567 พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เคยริเริ่มแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภา โดยให้ทำประชามติ 2 ครั้ง มี ส.ส.ร. มาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ให้ความเห็นต่อประธานรัฐสภา ไม่ให้บรรจุร่างแก้ไขดังกล่าว โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3 ครั้ง เป็นเหตุให้ประธานรัฐสภา ไม่บรรจุวาระดังกล่าว กลายเป็นความเห็นต่างการตีความ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ดังนั้นการเข้าพบประธานรัฐสภาในครั้งนี้ ได้นำข้อมูลเพิ่มเติม 2 อย่างมายื่นต่อประธานรัฐสภา คือ 1.คำวินิจฉัยส่วนตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน ที่มีการระบุชัดเจน ว่าทำประชามติ 2 ครั้งก็เพียงพอ 2.ข้อมูลที่ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เข้าพบประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลใหม่ในการพิจารณาบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยตั้ง ส.ส.ร. เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง โดยให้คณะกรรมการประสานงาน และเสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปวินิจฉัยอีกครั้งว่า จะต้องทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง หวังว่าข้อมูลใหม่ทั้ง 2 อย่าง จะเพียงพอให้คณะกรรมการประสานงานฯ วินิจฉัยว่า ทำประชามติแค่ 2 ครั้ง ก็เพียงพอ

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลเคยสัญญากับประชาชนจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป หรือตอนที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูพรรคก้าวไกลช่วงจัดตั้งรัฐบาล ก็ระบุว่า จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง แล้วจะยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ฉะนั้นเห็นชัดว่า รัฐบาลได้สัญญาจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่หากรัฐบาลยังเดินตามแผนเดิมให้ทำประชามติ 3 ครั้ง โอกาสที่จะมีรัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นจริงน้อยมาก หนทางเดียวที่จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้คือ ลดการทำประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2ครั้ง หากเดินตามแผนเดิม โอกาสเสร็จทันก็น้อย สิ่งที่อยากเห็นคือ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะรักษาสัญญากับประชาชน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลและพรรคประชาชนเห็นพ้องกัน จึงอยากเห็นรัฐบาลมาร่วมมือ และมุ่งมั่นทำเรื่องนี้ด้วยกัน
เมื่อถามว่า จะคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า ตอนออกหนังสือขอเข้าพบนั้น ออกพร้อมกัน 3 ฉบับ คือ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภา และนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เป็นเจตนารมณ์ของเราอยู่แล้วที่อยากเข้าพบฝ่ายบริหาร ซึ่งเหลือเพียงคำตอบของฝ่ายบริหารว่าจะให้เราเข้าพบเมื่อไหร่
เมื่อถามว่า หากทำประชามติ 2 ครั้ง ประเมินว่าจะได้เห็น ส.ส.ร.ใหม่ทันปี 2568 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวา หากมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตั้ง ส.ส.ร. และคณะกรรมการประสานงานฯ ตัดสินใจบรรจุวาระในรอบนี้ ก็จะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 1 ได้ทันที ในการเปิดสมัยประชุมสภาเดือน ธ.ค. ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะผ่าน 3 วาระ ภายใน 3-6 เดือน หากเป็นเช่นนั้น ประชามติรอบแรกจะเกิดขึ้นหลังผ่านวาระ 3 อาจเป็นช่วงหลังปี 2568 เมื่อประชามติผ่านแล้ว จะต้องมีกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.ร. หากทำทุกอย่างเสร็จได้ภายในปี 2568 ส.ส.ร. จะมีเวลาปี 2569 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้สามารถนำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปทำประชามติรอบ 2 ได้ช่วงต้นปี 2570 ก็จะเสร็จทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป วันนี้อยากให้มีการทบทวนการตัดสินใจเรื่องการบรรจุวาระแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ใหม่ จึงจำเป็นต้องยื่นร่างเดิมเข้าไปอีกครั้ง ให้คณะกรรมการประสานงานฯมีข้อมูลใหม่ประกอบการพิจารณา
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในฐานะประธานกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้ข้อมูลใหม่ที่กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ยื่นต่อประธานรัฐสภาแล้ว จะนำไปประกอบคำวินิจฉัย เพื่อพิจารณาว่า คณะกรรมการประสานงานฯ จะกลับมติที่เคยให้ความเห็นไม่บรรจุวาระการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่พรรคก้าวไกลในขณะนั้นยื่นร่างเข้ามา คณะกรรมการประสานงานฯ อาจเรียกนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ มาให้ข้อมูลเพื่อพิจารณาทบทวนความเห็น แม้คำวินิจฉัยที่เป็นความเห็นของตุลาการรัฐธรรมนูญรายบุคคล จะไม่มีผลทางกฎหมายเหมือนคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาจนำมาใช้พิจารณาประกอบแนวทางคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญว่า จะต้องทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 2 หรือ 3 ครั้ง ก็มีโอกาสที่คณะกรรมการประสานงานฯ จะกลับมติก่อนหน้านี้ได้ ถ้าข้อมูลใหม่ช่วยให้คำวินิจฉัยกลางมีความกระจ่างมากขึ้น เพราะเรายึดคำวินิจฉัยกลางเป็นหลัก และใช้คำวินิจฉัยส่วนบุคคลมาประกอบ.