เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่ประตูระบายน้ำปากคลองบางบาล ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และตรวจเยี่ยมระบบการระบายน้ำ โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่ 

จากนั้น เวลา 14.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ และคณะ เดินทางไปที่วัดกำแพงแก้ว ต.สะพานไทย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย พร้อมทั้งลงเรือตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยที่พักอาศัยในบ้านเรือนที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านพักได้ 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบางบาลซ้ำซาก รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณตามกรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 21,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขุดคลองลัดระบายน้ำไปสู่อ่าวไทยได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อแบ่งมวลน้ำจากคลองบางบาลและคลองโผงเผง ไม่ให้ท่วมล้นไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เริ่มดำเนินการในปีนี้และจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี ควบคู่กับการดำเนินการโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งและระบบป้องกันน้ำท่วม อ.บางบาล อ.เสนา ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ปี 64-66 รวมระยะทาง 12.85 กม. วงเงิน 1,214 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ อ.บางบาล อ.เสนา ได้รับการแก้ไขปัญหาได้ภายใน 3 ปี ตามห้วงระยะเวลาของการการขุดคลองลัดระบายน้ำ เมื่อโครงการทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ จะช่วยแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อ.บางบาล และอ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างยั่งยืน

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ประชาชน จ.พระนครศรีอยุธยา จะต้องประสบสถานการณ์จากน้ำท่วมทุกปี ซึ่งการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกส่วนราชการ ทุกหน่วยงาน ได้ช่วยกันดูแลให้ประชาชนมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยการประกอบอาหาร แจกจ่ายถุงยังชีพ และเมื่อน้ำผ่านไป ขอให้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีรับสั่งว่า “ให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็วที่สุด” ทั้งด้านการซ่อมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ตามหลักเกณฑ์กฎหมาย และบูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่ช่วยกันฟื้นฟูซ่อมแซมบ้านเรือนและสถานที่ประกอบอาชีพของประชาชน ภาครัฐจะติดตามดูแลแก้ไขปัญหาของประชาชนให้เร็วที่สุดและมากที่สุด ทั้งนายอำเภอ ปลัดอําเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงทุกๆ หน่วยงาน ทุกองคาพยพ จะลงไปช่วยประชาชน ข้าราชการทุกคนจะอยู่เคียงข้างกับประชาชน.