เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอร่างหนังสือข้อตกลงสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง อีกทั้งมีมติอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในร่างหนังสือข้อตกลงสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันและติดต่อเชื้อโรคฝีดาษลิง รวมถึงมีมติอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ลงนามในร่างหนังสือข้อตกลงสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันติดเชื้อโรคฝีดาษลิง โดยสาระสำคัญของเรื่องนี้ มีทั้ง 1. อาเซียนได้อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง โดยใช้งบประมาณจากกองทุน COVID-19 AND Other Public Health Emergencies and Emerging ASEAN Response Fund ตามที่กระทรวงสาธารณสุขบรูไนดารุสซาลามเสนอ เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงให้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประสงค์จะขอรับวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุขบรูไนดารุสซาลาม เป็นผู้ดำเนินการในนามประเทศสมาชิกอาเซียน
นายคารม กล่าวอีกว่า 2.การจัดหาวัคซีนสอดคล้องกับสาระด้านการพัฒนาสาธารณสุขอาเซียน ภายหลังปี ค.ศ. 2015 สำหรับปี ค.ศ. 2021-2025 ในประเด็นความร่วมมือด้านสุขภาพที่มีความเร่งด่วน ที่ 8 เรื่องการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ โรคเขตร้อนที่ถูกละเลย และโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากสัตว์ 3.ปัจจุบันไม่มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงโดยตรง แต่ใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษแทน เพราะพบว่าสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ร้อยละ 80-85 โดยพิจารณาฉีดวัคซีนนี้แบบป้องกันก่อนสัมผัสโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อฝีดาษลิง รวมทั้งผู้มีความเสี่ยงสูง อาทิ ผู้ติดเชื้อเอสไอวี หรือได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นายคารม กล่าวว่า 4.บรูไนดารุสซาลามได้ลงนามในสัญญาจัดหาวัคซีนกับบริษัท Bavarian Nordic ในนามประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประสงค์จะขอรับวัคซีนแล้ว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2567 รวมทั้งขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่ยังคงประสงค์จะขอรับวัคซีน ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการลงนามในร่างหนังสือข้อตกลง ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับบริษัท Bavarian Nordic ประเทศเดนมาร์ก เพื่อยืนยันการขอรับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง จำนวน 2,220 โด๊ส และยอมรับเงื่อนไขในการรับวัคซีน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่บรูไนดารุสซาลามได้เจรจากับบริษัทฯ ในนามประเทศสมาชิกอาเซียนเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อบริษัทฯ จะได้ส่งวัคซีนให้ประเทศไทยโดยตรงต่อ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดในร่างหนังสือฯ แล้วเห็นว่า สามารถยอมรับและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งการได้รับวัคซีนดังกล่าว จะช่วยป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคฝีดาษลิงในไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น