เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 กระแสชุดผ้าไทย ถือเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ถูกนำกลับมาอนุรักษ์ต่อยอดกันอย่างแพร่หลายไปวงกว้าง ที่ทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนชุมชน ต่างให้ความสำคัญและช่วยกันส่งเสริมต่อยอดผ้าไทยให้เปิดกว้างมากขึ้น แม้กระทั่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของผู้นำระดับประเทศ ที่นำผ้าไทยมาสวมใส่ทำงานให้ได้เห็นทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้ปัจจุบันผ้าไทยกลายเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ถูกนำมาสวมใส่ได้ทุกช่วงวัยและทุกโอกาส

ซึ่งที่จังหวัดอุทัยธานี ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอที่มีความสวยงามไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะผ้าทอลายโบราณของอำเภอบ้านไร่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีราคาที่สูงตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการต่างปรับตัวให้เข้ากับกระแสนิยม ด้วยการนำผ้าทอลายโบราณต่างๆมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ที่ไม่ใช่แค่การขายผ้ายกผืน หรือขายแค่ผ้าซิ่น หรือเสื้อทรงม่อฮ่อมแบบธรรมดาทั่วไป ด้วนการนำลายผ้าทอสุดล้ำค่ามาประดับตกแต่งสร้างความสวยงามบนเสื้อสูท เสื้อยีน เสื้อผ้าไหมทรงต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลายช่วงวัย และสามารถสวมใส่ได้ง่ายและสวยงามทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม

โดย นายกชชม ตราศรี อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเสื้อซิ่นลาย หนึ่งในร้านขายผ้าทอลายโบราณในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของการนำผ้าทอลายโบราณมาสร้างมูลค่าเพิ่มแบบนี้นั้น เริ่มต้นมาจากที่ตนเองนั้นชอบสวมใส่ผ้าทอมาก แต่อยากให้ผ้าทอนั้นดูทันสมัยและใส่ได้ทุกวันทุกโอกาส จึงนำผ้าทอลายที่ชอบมาดัดแปลงตัดเย็บเข้ากับเสื้อสูท เสื้อยีนส์ที่ตนเองชอบใส่ พอหลายคนเห็นก็ชื่นชอบและอยากได้เสื้อผ้าทอแบบที่ตนเองใส่บ้าง จึงทดลองทำขาย เริ่มจากที่ฝากเพื่อนๆขายตามร้านกาแฟ ตามสถานที่ท่องเที่ยว จนปัจจุบันลูกค้าเริ่มรู้จักมากขึ้น ทำให้ตอนนี้ที่ร้านต้องทยอยออกแบบเสื้อผ้าทอออกมามากขึ้นเพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของที่ร้านนั้นก็คือ มีตัวเดียวในโลก ไม่มีทำแบบซ้ำเพิ่มอีกแน่นอน ทำให้ลูกค้าซื้อไปแล้วมั่นใจได้ว่า ผ้าทอที่ใส่จะไม่มีซ้ำแบบกับใครอย่างแน่นอน ซึ่งราคาผ้าทอที่ร้านจะเริ่มต้นที่ 1,500-7,000 บาทเท่านั้น ซึ่งปกติผ้าทอทั่วไปจะราคาสูงกว่านี้หลายเท่าตัว.
