ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร หรือ ARDA  เปิดเผยว่า  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร  ก่อตั้งปี 2546 โดยตลอด 22 ปี ARDA ได้สนับสนุนโครงการวิจัยด้านการเกษตรตามภารกิจหลัก เพื่อขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย รวม 2,961 โครงการ งบประมาณวิจัยกว่า 9,000 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2567 สามารถสนับสนุนโครงการวิจัยด้านการเกษตรได้จำนวน จำนวน 300 โครงการ งบประมาณ 923 ล้านบาท ได้แก่ การพัฒนานวัตกรรมงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหา “มันสำปะหลัง” ด้วยการพัฒนาท่อนพันธุ์สะอาด กระจายสู่ชุมชน เพื่อตัดวงจรของโรคระบาด  เช่น โรคใบด่าง โรคพุ่มแจ้ เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีการปลูกพืชหลังนาเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร การพัฒนาเครื่องจักรกล ด้านการเกษตร

นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายงานวิจัยระดับประเทศ อาทิ การจัดอบรมหลักสูตร “การผลิตกาแฟอะราบิกาเชิงอุตสาหกรรมแบบครบวงจร” โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรยูนนาน มหาวิทยาลัยแห่งแรกของจีนที่เปิดหลักสูตรทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมกาแฟ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนาการเกษตรและความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่ต่ำเพิ่มประสิทธิภาพการทำน้ำฝน ซึ่งจะสามารถกำหนดจุดที่ฝนตกได้ และจากการสุ่มประเมินผลประโยชน์จากโครงการวิจัยเฉพาะปี 2567 ภายใต้การดำเนินงานของ ARDA จำนวน  41 โครงการ งบประมาณ 191.48 ล้านบาท พบว่าสามารถก่อให้เกิดมูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม รวม 4,232 ล้านบาท  

“ด้านการขยายผลงานวิจัยและขยายสู่การใช้ประโยชน์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ARDA สามารถขยายผลสู่เกษตรกรได้ทั้งสิ้น 1,081 โครงการ โดยในปีงบฯ 2567 ได้นำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ทั้งในเชิงนโยบาย สาธารณะ และพาณิชย์ จำนวน 182 โครงการ อาทิ การบริหารจัดการขยะอาหารเชิงบูรณาการสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน  การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ และโคนมด้วยสมุนไพรไทยโดยใช้พริกป่นและขมิ้นชันในอาหารสัตว์เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งสามารถลดการใช้ยาฏิชีวนะได้ร้อยละ 45.22 คิดเป็นมูลค่า 513.76 ล้านบาท การเพาะพันธุ์หอยแครง เพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการชายฝั่ง เป็นต้น”

สำหรับในปี 2568 นี้ ARDA  ได้กำหนดแผนการจัดสรรทุนและกรอบการสนับทุนวิจัยวิจัย ทั้งในส่วนของการสนับสนุนงานวิจัยเชิงกลยุทธ์ (SF) และ การนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ (RU)  6 หมวด ดังนี้  1.การพัฒนากระบวนการผลิตและการตลาดของอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าสูง เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกของประเทศ    2.การพัฒนากระบวนการผลิตและการตลาดของผลิตผลทางการเกษตรและเกษตรแปรรูป  3.การพัฒนาผู้สูงอายุในภาคชนบทและเมืองให้สามารถพึ่งพาตนเองได้  4.Smart Farming ที่ครบห่วงโซ่คุณค่าสำหรับเกษตรกรยากจนในชุมชน  5.แก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติด้านนิเวศน์เกษตร (น้ำ ป่าไม้ ที่ดิน) 6.          เทคโนโลยี นวัตกรรมต้นแบบ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ