“เลือดกำเดาไหล” เป็นภาวะที่เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตกหรือฉีกขาดทำให้มีเลือดออกทางโพรงจมูก ซึ่งเกิดได้จากอากาศร้อนจัด โรคภูมิแพ้ หรือได้รับอุบัติเหตุรุนแรงบริเวณจมูก แม้ส่วนใหญ่ไม่ใช่อาการร้ายแรง แค่ห้ามเลือดสักพัก เลือดจะหยุดไหลได้ แต่บางครั้งอาจมีลักษณะอาการที่เข้าขั้นต้องพบแพทย์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล มีเกร็ดความรู้ดีๆ วิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เมื่อเลือดกำเดาไหล เพื่อไม่ให้เกิดอาการลุกลามมากขึ้น

เลือดกำเดาไหล คือ อาการเส้นเลือดฝอยแตกบริเวณโพรงจมูก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เลือดกำเดาไหลจากเส้นเลือดฝอยด้านหน้ากับเลือดกำเดาไหลจากเส้นเลือดฝอยด้านหลัง เลือดกำเดาไหลจากเส้นเลือดฝอยด้านหน้าแตกเป็นประเภทที่พบได้บ่อย ไม่รุนแรง และหยุดเองได้ แต่หากเกิดจากเส้นเลือดฝอยด้านหลังแตกจะเกิดเลือดออกรุนแรง และมักเกิดในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกบริเวณหลังโพรงจมูก

สาเหตุของเลือดกำเดาไหล

ส่วนมากเกิดจากการแคะ แกะ เกา ถูกกระแทกบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง นอกจากนี้ การเป็นหวัดก็อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณปลายจมูกเกิดความเปราะบาง เสียหาย แล้วเกิดเลือดดำเดาไหลได้ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยบริเวณปีกจมูก คือ การรับประทานวิตามินซี และการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะวิตามินซีทำหน้าที่ซ่อมแซมเส้นเลือดฝอยบริเวณปลายจมูก

4 ความเชื่อ เรื่องเลือดกำเดาไหล

ความเชื่อที่ 1 เลือดกำเดาไหลให้เงยหน้าจนกว่าเลือดจะหยุด

ความเชื่อนี้ไม่จริง เมื่อเงยหน้าขึ้น เลือดกำเดาจะยิ่งไหลลงไปในคอมากขึ้น หากไม่สามารถไอออกมาได้อาจเกิดการสำลักลงปอด ฉะนั้น เมื่อเลือดกำเดาไหลควรบีบจมูกแล้วก้มหน้าลงจะช่วยให้เลือดกำเดาหยุดไหลได้

ความเชื่อที่ 2 เลือดกำเดาไหลให้ประคบน้ำแข็ง

ความเชื่อนี้จริงบางส่วน เนื่องจากการประคบน้ำแข็งต้องประคบในบริเวณที่ถูกต้อง คือ บริเวณเส้นเลือดปลายจมูก แต่บ่อยครั้งคนส่วนมากมักประคบบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีเส้นเลือด

ความเชื่อที่ 3 เลือดกำเดาไหลเป็นประจำแสดงว่าความดันเลือดผิดปกติ

ความเชื่อนี้จริงบางส่วน เพราะเลือดกำเดาไหลมักเกิดจากความเปราะบางของเส้นเลือดฝอยบริเวณปลายจมูกที่เกิดจากภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือการแคะ แกะ เกาจมูก แต่เลือดกำเดาไหลที่เกิดจากความดันเลือดสูงที่ควบคุมโรคได้ไม่ดี ก็เป็นสาเหตุที่พบได้แต่ไม่พบบ่อยนัก

ความเชื่อที่ 4 เลือดกำเดาไหลและมีอาการเจ็บอาจเป็นเนื้องอก

ความเชื่อนี้ไม่จริง เนื้องอกส่วนใหญ่มักอยู่บริเวณหลังโพรงจมูก หากมีเลือดออกจากเนื้องอกมักจะไหลออกจากจมูกทั้ง 2 ข้าง เลือดจะไหลมากและไหลไม่หยุดจนอาจเกิดภาวะช็อกหรือซีดได้ นอกจากนี้ คนไข้มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คัดจมูก มีน้ำมูก บางรายอาจมีเบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต เป็นอาการที่พบได้ไม่มาก และแตกต่างจากภาวะเลือดกำเดาไหลจากเส้นเลือดฝอยที่เลือดจะไหลเพียงเล็กน้อย และหยุดเองได้

วิธีปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกำเดาไหล

1.นั่งหลังตรงโน้มตัวมาข้างหน้า ไม่ให้เลือดไหลลงลำคอ

2.ซับเลือดด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดด้านนอกจมูก ไม่เอาผ้าหรือกระดาษใส่เข้าไปในรูจมูก

3.บีบที่จมูก 2 ข้าง ให้แน่น และหายใจทางปากแทน ประมาณ 5-10 นาที แต่หากเกินกว่านี้ ต้องรีบพบแพทย์

4.ประคบเย็นบริเวณหน้าผาก

5.หากหมดสติ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

อาการแบบไหนที่ต้องพบแพทย์

1. เลือดออกปริมาณมาก

2. เลือดไหลนานต่อเนื่องเกิน 10 นาที

3. เลือดไหลร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น หูอื้อ คัดจมูก

4. ตัวซีด ปากซีด หน้ามืด

5. ชีพจรเต้นเร็ว

6. ได้รับแรงกระแทกบริเวณจมูกหรือศีรษะ.