นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการก่อสร้างตามแผนพัฒนาอากาศยานตรัง ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง สร้างทางขับและลานจอดอากาศยานพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน วงเงิน 678,400,000 บาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการขอเปิดใช้ลานจอดอากาศยาน ซึ่งสามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ได้ จำนวน 8 ลำ และมีทางขับอากาศยานใหม่เพิ่มขึ้น 3 เส้น 2. โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานตรัง วงเงิน 1,070,000,000 บาท มีความคืบหน้า 98.34% ล่าช้ากว่าแผน เนื่องจากประสบปัญหาผู้รับจ้างไม่เข้ามาทำงาน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขณะนี้ ทย. ได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท และอยู่ในขั้นตอนของการประเมินความเสียหาย และจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่

3. โครงการก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน และองค์ประกอบอื่นๆ วงเงิน 1,775,721,300 บาท มีความคืบหน้า 37% และ 4. การเวนคืนที่ดิน 674 ไร่ เพื่อขยายความยาวทางวิ่ง จาก 2,100 เมตร เป็น 2,990 เมตร งบประมาณ 868,000,000 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจ่ายเงินค่าทดแทนและอสังหาริมทรัพย์ส่วนที่เหลือ รวมทั้งการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และกระบวนการขายทรัพย์ในที่เวนคืน อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานตรังแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ท่าอากาศยานมีความสามารถในการรองรับจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารมากขึ้น

อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คนต่อชั่วโมง รวม 3.4 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันรองรับได้ 600 คนต่อชั่วโมง รวม 1.7 ล้านคนต่อปี ความยาวทางวิ่ง ขนาด 45 X 2,990 เมตร รองรับอากาศยานขนาด 390 ที่นั่ง และลานจอดเครื่องบินรองรับการจอดอากาศยานขนาดใหญ่ได้ 8 ลำในเวลาเดียวกัน รวมถึงพื้นที่ลานจอดอากาศยานเดิม และลานจอดหน้าหอบังคับการบิน จัดไว้สำหรับอากาศยานส่วนบุคคล รวมทั้งเครื่องราชการ และมีพื้นที่จอดรถยนต์ได้ 1,370 คัน ปัจจุบันท่าอากาศยานตรัง ให้บริการเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศ (ดอนเมือง–ตรัง–ดอนเมือง) 3 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ และไทยไลอ้อนแอร์ รวม 10 เที่ยวบิน/วัน (ไป-กลับ)

นายดนัย กล่าวด้วยว่า ทย. จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของการเปิดให้บริการอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ซึ่งได้กำชับให้ผู้ดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามกฎหมาย และเร่งจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ให้ได้ในเดือน มี.ค. 68 เพื่อดำเนินงานต่อให้แล้วเสร็จ และสามารถเปิดใช้งานได้ตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะย้ายมาเปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ในส่วนของการให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณเดือน พ.ค. 68 และจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งส่วนให้บริการในประเทศ และระหว่างประเทศ เดือน ต.ค. 68