เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 มี.ค. 2568 ที่หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดี กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย บรรยายเรื่องการสร้างผู้นำในการเผชิญกับสภาพสังคมโลก และภูมิภาคในสภาวการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ให้กับนักเรียนหลักสูตรการบริหารความมั่นคงของสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 61
โดยนายอนุทิน กล่าวเปิดการบรรยายว่า วปอ. มีกฎอยู่อย่างหนึ่งให้เรียกทุกคนว่าพี่ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็เรียกกันว่า “พี่” อย่างเท่าเทียมกัน แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการจัดระเบียบที่ซับซ้อนขึ้น และมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่ความเป็นเอกราชของไทยทำให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนไปได้ แม้จะผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบมาแล้วหลายครั้ง
ประเทศไทยถูกปฏิวัติไม่รู้กี่รอบ มีประชาธิปไตยเต็มใบบ้าง ไม่เต็มใบบ้าง รัฐประหารบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบคือภาคเอกชน ซึ่งยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญวิกฤตการณ์ เช่น พฤษภาทมิฬ การชุมนุมเสื้อเหลืองเสื้อแดง หรือเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง เศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้า ซึ่งสะท้อนถึงรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยยังคงเดินหน้าไปได้ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของประเทศ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ประชาชนยังให้ความเชื่อมั่น และนานาประเทศเองก็เห็นถึงความมั่นคงตรงนี้
อีกทั้งคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เคยกล่าวว่า “ต้องไม่มีคำว่าคนไข้อนาถา” ก็ยังอยู่ในโสตประสาทของตนเองตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข และได้ใช้เป็นแนวทางพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยในช่วงที่ดูแลกระทรวง
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ระบบบ้านใหญ่ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นปัญหา แท้จริงแล้วมีข้อดี เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่เคยปล่อยให้ชาวบ้านอดตาย โดยยกตัวอย่าง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูิมใจไทย ที่ดูแลลูกบ้านอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าสถานการณ์ใด หากมีใจกว้างพอจะเห็นว่าระบบนี้ช่วยให้คนด้อยโอกาสมีที่พึ่งเสมอ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนแนวคิดในการสร้างผู้นำและการบริหารงานราชการนั้นต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องของการทำงาน ไม่ใช่เพียงแค่พิจารณาอาวุโส พร้อมย้ำว่า หากข้าราชการที่เหลืออายุราชการเพียง 1 ปี ต้องการเกษียณแบบสบาย ก็ไม่สามารถพัฒนาประเทศได้ อีกทั้งการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงต้องเลือกคนที่มีเวลาทำงานมากพอ และสามารถอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนได้อย่างเต็มที่ เพราะหากภาครัฐไม่เอื้อให้ เอกชนก็ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ประเทศไทยมีกฎหมายที่ตีความได้หลายแบบ ทำให้หลายฝ่ายไม่กล้าตัดสินใจ แต่ถ้าผู้บริหารมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีวาระซ่อนเร้น ก็สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องกังวล
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ตนเลือกบุคคลที่เหลืออายุราชการอีก 6 ปี เพื่อให้การบริหารงานมีความต่อเนื่อง ตอนที่แต่งตั้งมีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าทำไมไม่เลือกคนที่เหลืออายุราชการเพียงปีเดียว แต่ตนมองว่าหากเลือกปลัดที่มีเวลาทำงานสั้น จะเกิดปัญหาความไม่ต่อเนื่อง และในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการทำงาน ข้าราชการมักโฟกัสที่การอำลาชีวิตราชการมากกว่าการผลักดันนโยบาย อีกทั้งนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายสนับสนุนกาสิโน แต่เมื่อร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลักดันเรื่องธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ที่รวมกาสิโน ก็ต้องหาจุดร่วมกัน เช่นเดียวกับกรณีกัญชาเสรีที่พรรคภูมิใจไทยผลักดัน และพรรคเพื่อไทยต้องยอมรับ ในร่างแรกของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ไม่มีการกำหนดอำนาจของกระทรวงมหาดไทย แต่ให้อำนาจนายก ฯ เป็นผู้รักษากฎหมาย ซึ่งตนไม่เห็นด้วย จึงมีการหารือและปรับแก้ไขให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจร่วมกับนายก ฯ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ได้ลงนามถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อยืนยันความเห็นชอบต่อ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. โดยให้เหตุผลว่า เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นการลงทุน และสร้างรายได้ให้ประเทศ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นชอบให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2568
///