สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ลงนามในข้อตกลงขยายท่อส่งน้ำมันทรานส์อัลไพน์ (ทีเอแอล) จากอิตาลี เมื่อปี 2566 หรือหนึ่งปีหลังจากรัสเซียปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

อนึ่ง สาธารณรัฐเช็กใช้น้ำมันของรัสเซียมาโดยตลอด จนกระทั่งท่อส่งน้ำมันดรุชบา หยุดจ่ายน้ำมันเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลา 2 เดือน หลังการขยายทีเอแอลเสร็จสิ้น

“การส่งน้ำมันที่เพิ่มขึ้นรอบแรก มาถึงแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สาธารณรัฐเช็กได้รับน้ำมันที่ไม่ใช่ของรัสเซีย ผ่านเส้นทางตะวันตก” เฟียลา กล่าวกับผู้สื่อข่าว

แม้อียู ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 27 ประเทศ ดำเนินการเพื่อยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย หลังรัฐบาลมอสโกเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อเดือน ก.พ. 2565 และยังแบนนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่จากรัสเซีย แต่ท่อส่งน้ำมันดรุชบาได้รับการยกเว้น เนื่องจากสาธารณรัฐเช็ก มีทางเลือกอื่นไม่มากนัก

ทั้งนี้ สาธารณรัฐเช็ก เลิกใช้ก๊าซธรรมชาติของรัสเซียโดยสิ้นเชิงแล้ว และคาดว่าจะหยุดใช้ยูเรเนียมของรัสเซีย สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่งของประเทศ ในปีนี้เช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP