สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า นายอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า บทบาทของตัวเองในสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ ดอจ จะลดลงอย่างมาก นับตั้งแต่เดือน พ.ค. นี้ โดยอาจจะมาเข้าร่วมงานที่ทำเนียบขาวเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง “ตราบที่ประธานาธิบดียังคงเห็นว่าเป็นประโยชน์”


แม้เจ้าตัวให้เหตุผลเกี่ยวกับ “ความเหนื่อยหน่ายจากการโจมตีของฝ่ายซ้าย” อย่างไรก็ตาม การประกาศดังกล่าวของมัสก์เกิดขึ้น หลังบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหาร เปิดเผยรายได้เมื่อไตรมาสแรกของปีนี้ หรือระหว่างเดือน ม.ค.-มี.ค. ที่ผ่านมา ลดลง 9% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี มาอยู่ที่ 19,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 646,357 ล้านบาท)


ขณะที่ผลกำไรในช่วงเวลาเดียวกันลดลงมากถึง 71% เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13,697.41 ล้านบาท) เนื่องจากยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย


ทั้งนี้ เทสลาระบุในรายงาน เกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนโครงสร้างด้านต้นทุนของเทสลา และบริษัทอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งพลวัตดังกล่าว ร่วมด้วยทัศนคติทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงเสมอ อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในระยะสั้น “อย่างมีนัยสำคัญ”


อย่างไรก็ตาม เทสลายืนยันแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่จะมีราคาย่อมเยามากขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และยืนยันว่า การเปิดตัว “โรโบแท็กซี่” จะยังคงเป็นไปตามแผนการ คือภายในเดือน มิ.ย. นี้.

เครดิตภาพ : AFP