ตามที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีบูชาปลงพระศพ วันที่ 26 เม.ย. แล้วนั้น จะเข้าสู่ขั้นตอนในการเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ จากพระคาร์ดินัลทั่วโลกที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง (พระคาร์ดินัล อายุไม่เกิน 80 ปี) ซึ่งสำหรับตำแหน่ง พระคาร์ดินัล นั้น สมเด็จพระสันตะปาปาจะเลือกผู้มารับตำแหน่งด้วยพระองค์เองอย่างอิสระ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ พระคาร์ดินัล-สังฆราช (Cardinal-Bishop) พระคาร์ดินัล-สงฆ์ (Cardinal-Priest) และพระคาร์ดินัล-สังฆานุกร (Cardinal-Deacon) โดยขึ้นกับสมเด็จพระสันตะปาปาว่าจะแต่งตั้งให้อยู่ในระดับใด
โดยในประเทศไทยมีพระคาร์ดินัล 2 องค์ คือ พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู และพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช แต่เนื่องจากพระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู มีอายุเกิน 80 ปี แล้ว จึงเหลือเพียงพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เท่านั้น ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่

อย่างไรก็ตามแม้พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู จะไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ แต่ท่านถือเป็นพระคาร์ดินัลที่อาวุโสที่สุดในคณะพระคาร์ดินัลทั่วโลก ท่านได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 ซึ่งบรรดาพระคาร์ดินัลที่ได้รับการแต่งตั้งพร้อมท่านนั้น เหลือท่านเพียงผู้เดียวที่มีชีวิตอยู่ และท่านยังเป็นหัวหน้าพระคาร์ดินัลสงฆ์ ซึ่งในพิธีเข้ารับตำแหน่ง (Inauguration) ของสมเด็จพระสันตะปาปา หัวหน้าพระคาร์ดินัลสังฆานุกร Protodeacon) จะเป็นผู้สวมปัลลีอุม (Pallium) ให้พระองค์ จากนั้นหัวหน้าพระคาร์ดินัลสงฆ์ (Protopriest) ซึ่งก็คือ พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู จะกล่าวบทภาวนา และหัวหน้าคณะพระคาร์ดินัล (Dean) จะสวมแหวนชาวประมง (Fisherman Ring) ให้พระองค์ เป็นลำดับสุดท้าย

สำหรับประวัติ พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ปัจจุบันมีอายุถึง 96 ปี แล้ว ท่านเกิดวันเสาร์ที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) ที่หมู่บ้านวัดนักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม เป็นบุตรของ ยอแซฟ ยู่ฮง และมารีอา เคลือบ กิจบุญชู มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน เป็น ชาย 7 คน เป็นหญิง 1 คน โดยพระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู เป็นบุตรคนที่ 5 ของครอบครัว และได้เข้าบ้านเณรศรีราชาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่ก็แสดงความสามารถให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่เพื่อนๆ ในหลายๆ ด้าน เช่น การเรียน การเล่น การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี จึงเป็นที่ชอบพอรักใคร่ของบรรดาเณรทั่วไป

ประวัติการศึกษา ปี ค.ศ. 1935-1940 เรียนที่โรงเรียนนักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม จบชั้น ป.4 ปี ค.ศ. 1940 เรียนที่โรงเรียนดาราสมุทร (สามเณราลัยพระหฤทัย) ศรีราชา ชลบุรี ชั้น ม.1 (เรียนไม่จบ เนื่องจากเกิดสงครามอินโดจีน จึงย้ายไปเรียนที่บ้านเณรบางช้าง) ปี ค.ศ. 1941-1944 เรียนที่บ้านเณรพระหฤทัยบางช้าง สมุทรสงคราม เป็นเวลา 4 ปี จบชั้น ม.4 ปี ค.ศ. 1945-1947 เรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ชลบุรี จบชั้น ม.6 ปี ค.ศ. 1948-1953 เป็นครูเณรที่สามเณราลัยพระหฤทัย ศรีราชา ชลบุรี สอนเรียนที่โรงเรียนดาราสมุทร ได้รับตำแหน่งตั้งให้เป็นครูใหญ่โรงเรียนดาราสมุทร ปี ค.ศ. 1953-1959 เรียนที่วิทยาลัยโปรปากันดาฟีเด กรุงโรม จบปริญญาโท สาขาปรัชญา และเทววิทยา ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์วันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1959 ที่บ้านเณรปรอปากันดาฟีเด กรุงโรม โดยพระคาร์ดินัลเปโตร อากายาเนียน พร้อมกับพระสังฆราชยอแซฟ เอก ทับปิง

สำหรับตำแหน่งหน้าที่สำคัญ วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1960-21 มกราคม 1962 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระนามพระเยซู บ้านแป้ง สิงห์บุรี วันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1962-กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญลูกา บางขาม ลพบุรี เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965-สิงหาคม ค.ศ. 1965 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระลูกประคำ กาลหว่าร์ กรุงเทพฯ วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1965-สิงหาคม ค.ศ. 1965 ได้รับแต่งตั้งเป็นเหรัญญิกของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพระสังฆราชของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1965-มีนาคม ค.ศ.1973 ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ สามพราน นครปฐม วันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1973 อภิเษกเป็นพระอัครสังฆราช แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ สืบจากอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย วันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1982 สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 ทรงมีพระสมณสารแจ้งเป็นการภายในให้ทราบว่า จะทรงแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของพระคาร์ดินัลแห่งพระศาสนจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1983 จากนั้นวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1983 มีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะพระคาร์ดินัล เป็นพระคาร์ดินัลไทยองค์แรก วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 มีพิธีสถาปนาสมณศักดิ์พระคาร์ดินัลท่ามกลางพระคาร์ดินัล คณะทูตานุทูต และคริสต์ศาสนิกชน ปี ค.ศ. 2008 เป็น ประมุขอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ท่านยังเคยได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งสำคัญจากทางวาติกันด้วย โดยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการของสมณกระทรวง ประกาศพระวรสารสู่ปวงชน (Member of the Pontifical Missionary Societies for the Propagation of the Faith) ได้รับแต่งตั้งจากสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อ ให้ดำรงตำแหน่ง President of the Missionary Union of the Clergy in Thailand ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการที่ปรึกษาของสมณกระทรวง เผยแพร่ความเชื่อ และเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านการเงินและเศรษฐกิจของสันตะสำนัก