สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่ามีเหตุผลมากมายให้ควรเชื่อได้ว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครน มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลอบสังหาร พล.ท.ยาโรสลาฟ มอสคาลิก รองเสนาธิการฝ่ายปฏิบัติการของสำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมรัสเซีย ด้วยการคาร์บอมบ์ ที่เมืองบาลาชิกตา ในเขตชานกรุงมอสโก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
Another angle of today’s car bomb explosion in the town of Balashikha to the east of Moscow, which eliminated the Deputy Head of the Main Operations Directorate of the General Staff of the Russian Armed Forces, Major General Yaroslav Moskalik. pic.twitter.com/nisIi7UutA
— OSINTdefender (@sentdefender) April 25, 2025
ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนยืนยันว่า เป็นความจริง จะเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความป่าเถื่อน” ของยูเครน และยิ่งสะท้อนเจตนาของอีกฝ่าย ว่าต้องการทำลายกระบวนการเจรจาสันติภาพ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พบหารือกับนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐ ที่ทำเนียบเครมลิน เป็นครั้งที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาหารือกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งทำเนียบเครมลินกล่าวว่า การพูดคุย “เป็นไปอย่างสร้างสรรค์” โดยมีการหารือเกี่ยวกับ “ความเป็นไปได้” ว่ารัสเซียและยูเครนจะกลับมาเจรจากันโดยตรง
RARE moment Putin switches to English with Trump envoy Witkoff in Moscow
— RT (@RT_com) April 25, 2025
‘How are you Mr. President?’
‘Fine, just fine. Thank you’ pic.twitter.com/VvIOA2iNsf
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า การเจรจากับรัสเซียจะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง “อย่างสมบูรณ์” เท่านั้น และยังคงเน้นย้ำว่า คาบสมุทรไครเมียเป็นของยูเครน หลังทรัมป์แสดงความไม่พอใจกับท่าทีของผู้นำยูเครน เกี่ยวกับสถานะของคาบสมุทรไครเมีย ที่รัสเซียผนวกรวมเมื่อปี 2557 ว่าการที่เซเลเนสกี “ยังไม่ยอมรับความจริง” ทำให้การเจรจายุ่งยาก และยังคงให้สัมภาษณ์ย้ำแบบเดิมกับนิตยสารไทม์ แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาเพียงต้องการให้สงครามยุติเท่านั้น.
เครดิตภาพ : AFP