สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่ามีเหตุผลมากมายให้ควรเชื่อได้ว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครน มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลอบสังหาร พล.ท.ยาโรสลาฟ มอสคาลิก รองเสนาธิการฝ่ายปฏิบัติการของสำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมรัสเซีย ด้วยการคาร์บอมบ์ ที่เมืองบาลาชิกตา ในเขตชานกรุงมอสโก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนยืนยันว่า เป็นความจริง จะเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความป่าเถื่อน” ของยูเครน และยิ่งสะท้อนเจตนาของอีกฝ่าย ว่าต้องการทำลายกระบวนการเจรจาสันติภาพ

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พบหารือกับนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลสหรัฐ ที่ทำเนียบเครมลิน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พบหารือกับนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐ ที่ทำเนียบเครมลิน เป็นครั้งที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาหารือกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งทำเนียบเครมลินกล่าวว่า การพูดคุย “เป็นไปอย่างสร้างสรรค์” โดยมีการหารือเกี่ยวกับ “ความเป็นไปได้” ว่ารัสเซียและยูเครนจะกลับมาเจรจากันโดยตรง


ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า การเจรจากับรัสเซียจะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง “อย่างสมบูรณ์” เท่านั้น และยังคงเน้นย้ำว่า คาบสมุทรไครเมียเป็นของยูเครน หลังทรัมป์แสดงความไม่พอใจกับท่าทีของผู้นำยูเครน เกี่ยวกับสถานะของคาบสมุทรไครเมีย ที่รัสเซียผนวกรวมเมื่อปี 2557 ว่าการที่เซเลเนสกี “ยังไม่ยอมรับความจริง” ทำให้การเจรจายุ่งยาก และยังคงให้สัมภาษณ์ย้ำแบบเดิมกับนิตยสารไทม์ แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาเพียงต้องการให้สงครามยุติเท่านั้น.

เครดิตภาพ : AFP