เมื่อวันที่ 3 พ.ค.68 ศ.ดร.สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีตรมว.คลัง กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตต่ำ ต้องแก้ตรงที่เหตุ คือทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงให้แข่งขันได้ ว่า 1.ประเทศจีนเจริญเติบโตปีละ​ 5-6%, แต่ประเทศไทยเติบโต​ต่ำมาก ค่าเงินบาทควรอ่อนกว่าค่าเงินหยวนไปเรื่อยๆ แต่ทำไมเพียงปีเดียวเงินบาทแข็ง​ค่าเทียบเงินหยวนถึงกว่า​ 10%

อันนี้เกิดจากความเข้าใจผิดของแบงก์ชาติ​ พยายามทำให้อัตราเงินเฟ้อไทย​ ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อโลก​มานาน​กว่า 10 ปี​ ค่าเงินบาทจึงแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ​ ไปทดแทนอัตราเงินเฟ้อไทยที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก​ ทำให้เราขายของส่งออกแทบไม่ได้​ จึงมาลดการผลิต​ ทำให้​เศรษฐกิจ​ประเทศไทยไม่เจริญเติบโต​ ประชาชนยากจนลง

2.รัฐบาลควรแก้ไขปัญหา​เศรษฐกิจ​โตต่ำ โดยควรแก้ที่เหตุ​ คือ​ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงมา​เพื่อให้แข่งขันได้​ การส่งออกและท่องเที่ยวก็จะกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกมาก​ การเติบโตของ​ GDP​ ก็จะกลับมาสูงขึ้น​ สัดส่วนหนี้ต่อ​ GDP​ ของหนี้ครัวเรือนและหนี้รัฐบาล​จะลดลงไปเอง​ ปัญหา​มากมายของ​ SME​ จะลดลง​ด้วย เพราะขายของได้, ราคาพืชผลเกษตร​ที่ตกต่ำทั้งหมด​ จะกลับมาสูงขึ้น

3.​ประเทศเรายังไม่คิดแก้ปัญหา​ที่ระบบ (Macro)​ แต่ไปคิดเป็นเรื่องๆ​ (Micro) เช่น ​รัฐบาลจะไปกู้เงินเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก​ เพื่อมาใช้จ่าย​ ในภาวะที่แบงก์ชาติ​กดให้ปริมาณเงินบาทเหลือในตลาดน้อยมาก การกู้ของรัฐ​บาลเช่นนี้​ จึงไปเพิ่มดอกเบี้ยในตลาดเงิน​ ซึ่งสูงมากอยู่​แล้วให้สูงขึ้นไปอีก​ แล้วจะไปลดจำนวนการกู้เงินของเอกชน​ที่กู้อยู่แล้ว​ ซึ่งเรียกว่า ​Crowding​ out effect

4.นอกจากนี้​ เศรษฐกิจ​เราอยู่ในระบบให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงเสรี (Flexible exchange rate) เมื่อรัฐบาลไปการกู้​เงินเพิ่ม ทำให้ดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น​ ก็จะเกิดเงินตราต่างประเทศไหลเข้า​ ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก​ ไปลดรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยว​ เมื่อบวกกับการลงทุนเอกชนที่ลดลง​ จึงจะทำให้​ความเติบโตของ GDP​ เพิ่มขึ้นน้อยมาก

5.แน่นอน เราอาจเห็นด้วยตาว่ามีแหล่งน้ำ มีถนนเพิ่มขึ้น​ เนื่องจากรัฐบาลนำเงินกู้ใหม่ไปสร้าง​ แต่ที่เราไม่เห็นคือ​การลงทุนเอกชน​ลดลง, การส่งออก​และท่องเที่ยวลดลง​ หากรัฐจะไม่ให้เกิด​ปัญหา​ Crowding​ out ก็ต้องให้แบงก์​ชาติ​ไปเพิ่มปร​ิมาณเงิน​บาทในระ​บบเศรษฐกิจ​ให้เหมาะสมเพียงพอ