สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทำลายเป้าหมายหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮูตี ทั้งตามแนวชายฝั่ง และพื้นที่ชั้นในของเยเมน รวมถึงท่าเรือในเมืองโฮไดดาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 และตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลแดง ทางตะวันตกของประเทศ


แถลงการณ์ของฝ่ายความมั่นคงอิสราเอลระบุว่า ท่าเรือแห่งดังกล่าวเป็นสถานที่ซึ่งกลุ่มฮูตีใช้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์อื่น ที่ได้รับมาจากอิหร่าน เพื่อใช้สำหรับวัตถุประสงค์การก่อการร้าย


ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮูตีออกแถลงการณ์ ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน จากการโจมตีที่เกิดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของรัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า กองทัพสหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของอิสราเอลเกิดขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวถึงเหตุขีปนาวุธโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติ เบน กูเรียน ในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6-7 คน ว่าอิสราเอลเคย “ปฏิบัติการต่อต้าน” กลุ่มฮูตีซึ่งได้รับความสนับสนุนจากอิหร่านมาแล้ว “และพร้อมดำเนินการอีกในอนาคต” และ “จะไม่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว”


ทั้งนี้ ขีปนาวุธลูกดังกล่าว สามารถรอดพ้นจากระบบป้องกันไอเอิร์น โดม และตกใกล้กับอาคารผู้โดยสารหลักของสนามบินเบน กูเรียน ส่งผลให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ด้านกองกำลังฮูตีรับสมอ้างเป็นผู้ยิงขีปนาวุธลูกนั้น ซึ่งเป็น “ขีปนาวุธนำวิถีแบบไฮเปอร์โซนิก” หรือมีความเร็วเหนือเสียง เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลยังคงขยายขอบเขตของปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา


ส่วนกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการที่กลุ่มฮูตียิงขีปนาวุธโจมตี ท่าอากาศยานนานาชาติของอิสราเอล “เป็นปฏิบัติการของชาวเยเมนเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และเป็นการตัดสินใจอย่างอิสระ”


ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ระบุด้วยว่า รัฐบาลเตหะราน “มีจุดยืนชัดเจนในการป้องกันตนเอง” และเตือนอิสราเอลกับสหรัฐ “จะเผชิญกับการตอบโต้” หากเป็นฝ่ายเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES