เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 พ.ค. 68 นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา แถลงผลการประชุมว่า ได้มีการพิจารณากำหนดประเด็นคำถามในภาพรวมเพื่อนำไปศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร นำเสนอแนวคิดจากกรรมาธิการ ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน คือ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่ปรึกษา กมธ. และนายแก้วสรร อติโพธิ กมธ. ซึ่งข้อเสนอแนะของทั้ง 2 คน กมธ. ได้ส่งมอบให้คณะอนุ กมธ. ทั้ง 2 คณะ ไปศึกษาในรายละเอียดต่อไป ส่วนเรื่องการเชิญบุคคลสำคัญมาให้ข้อมูลและข้อคิดเห็น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลว่าสมัยที่ดำรงตำแหน่งนั้น มีความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโนหรือไม่ และคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายนี้อย่างไร 2.อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภา เพื่อสะท้อนมุมมองของฝ่ายนิติบัญญัติด้านข้อกฎหมายและมุมมองเกี่ยวกับการใช้อำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน 3.นักวิชาการหรือผู้แทนองค์กรหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หากมีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจรได้อย่างถูกกฎหมายภายในประเทศ

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะอนุ กมธ.วิสามัญ จำนวน 2 คณะ คือ 1. คณะอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบทางด้านสังคมและกฎหมายของการมีสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโนและการพนันออนไลน์ 2. คณะอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบและความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ของการมีสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโนและการพนันออนไลน์ สำหรับการประชุมครั้งหน้า วันที่ 29 พ.ค. นี้ จะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิใน กมธ. มาให้ข้อเสนอแนะ คือ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายวุฒิสาร ตันไชย นายจรัญ ภักดีธนากุล

“วันนี้ถ้าพูดถึงเรื่องการพนันออนไลน์ สังคมไทย จะมีข้อมูลในข้อเสียมากที่สุด ส่วนข้อดีไม่มีใครพูดถึง แม้แต่นักวิชาการเวลาพูดถึงกฎหมายนี้ ก็ยกตัวอย่างถึงข้อเสียทั้งหมด ส่วนข้อดี ดีจริงหรือไม่เรายังขาดข้อมูลตรงนี้ ดังนั้นการศึกษาของกรรมาธิการต้องเชิญฝั่งที่เห็นถึงข้อดีมาชี้แจง ซึ่งทุกอย่างต้องมี 2 ด้าน เพราะฉะนั้นอย่ากลัวว่ากรรมาธิการชุดนี้จะมีธงว่าไม่เอา เพราะเราไม่ใช่ผู้ตัดสิน จึงต้องเอาข้อมูลทุกด้านไปเผยแพร่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และเราจะเห็นว่าบ้านเมืองเราเต็มไปด้วยบ่อนการพนัน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปราบปราม เพราะมีตำรวจและมีกฎหมาย แต่เรื่องเค่นี้เรายังทำไม่ได้ และเราจะมีบ่อนการพนันใหญ่โต ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่แห่ง ถ้าเกิดขึ้นได้เราจะป้องกันอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมอยากรู้ แต่รัฐบาลไม่เคยพูด พูดอย่างเดียวว่าได้ทำความเข้าใจกับสังคมแล้ว” นายไชยยงค์ กล่าว

ด้าน น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ในฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวว่า ในเบื้องต้นเป็นการศึกษาความเป็นไปได้ หากมีจะมีที่ไหน ที่กำหนดว่าจะมีที่คลองเตย เหมาะสมหรือไม่ ยังไม่มีการฟันธง ต้องศึกษารายละเอียด ความคุ้มค่าและเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ส่วนเรื่องอื่นกรณีกาสิโน หรือศูนย์สุขภาพแทน เป็นเรื่องที่หารือใน กมธ. และหารือถึงความคุ้มได้คุ้มเสีย ในการประเมินกับมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และกฎหมายที่เกี่ยวเนื่อง โดย กมธ. จะต้องศึกษาในรายละเอียดและมาทำเป็นเอกสารทางวิชาการต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมยังพูดคุยกันหลายเรื่อง เช่น จะต้องมีการทำประชามติหรือไม่ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีข้อมูลว่าจะมีการไป เช่น จ.ภูเก็ต ต้องทำประชามติในจังหวัดหรือไม่ ซึ่งการทำประชาพิจารณ์กับประชามติมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องพิจารณาในรายละเอียด

“วันนี้ มีข่าวใหญ่จับเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ที่ไปเล่นบาคาร่าออนไลน์ ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว อย่างนี้ใครต้องเป็นคนดูแล ซึ่งก็คือรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ที่กำกับตำรวจทั้งหมด ต้องมาแอ๊คชั่นในเรื่องนี้ จะปล่อยปละละเลยไม่ได้” น.ต.วุฒิพงศ์ กล่าว.