สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา ว่าได้เพิกถอนวีซ่าจากชาวต่างชาติ ด้วยกฎหมายที่อนุญาตการเนรเทศผู้เกี่ยวข้องกับ “กิจกรรมที่ถือว่า ขัดต่อผลประโยชน์ของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ” โดยมีการเพิกถอนวีซ่าไปแล้วอย่างน้อย 300 ฉบับ จนถึงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

รูบิโอย้ำว่า “จะดำเนินการมากกว่านี้” โดยจะเน้นเพิกถอนวีซ่าของผู้ที่มีเจตนาก่อกวนระบบการศึกษาระดับสูงของสหรัฐ

นายคริส ฟาน โฮลเลน วุฒิสมาชิกรัฐแมริแลนด์ สังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวหารูบิโอว่า ละเมิดกฎหมายคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ทั้งเสรีภาพในการพูด และในกระบวนการทางกฎหมาย

รูบิโออ้างว่า เขาตั้งเป้าไปที่นักศึกษาที่เข้ามาในสหรัฐ เพื่อใช้มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่เคลื่อนไหว ยึดครองห้องสมุด และพยายามเผาทำลายอาคาร แต่โฮลเลนโต้แย้ง ด้วยการหยิบยกกรณีของ น.ส.รูเมย์ซา ออซเติร์ก ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทวัย 30 ปีชาวตุรกี ที่เขียนบทความวิจารณ์เกี่ยวกับจุดยืนของมหาวิทยาลัยในประเด็นฉนวนกาซา ซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของนักศึกษา

โฮลเลนระบุว่า หน่วยงานของรัฐบาลไม่พบความเชื่อมโยงใด ๆ ระหว่างออซเติร์กกับการก่อการร้าย รวมถึงคำกล่าวต่อต้านชาวยิว แต่ยังคงเพิกถอนวีซ่าของเธอ และส่งเธอไปคุมขังที่สถานกักกัน ในรัฐลุยเซียนา

หลังจากนั้น โฮลเลนโพสต์ตอบโต้รูบิโอบนเอ็กซ์ ว่าอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาได้รับ “การผ่าสมองมากาแบบโลโบโทมี” (MAGA Lobotomy) ซึ่งเหน็บแนมการสนับสนุน “Make America Great Again” (ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง) ซึ่งเป็นสโลแกนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนั้น รูบิโอยังสนับสนุนนโยบายการเนรเทศผู้อพยพจำนวนมาก ตามแนวทางของผู้นำสหรัฐ รวมถึงการบรรลุข้อตกลงกับเอลซัลวาดอร์ ในการส่งผู้อพยพไปคุมขังยังเรือนจำความมั่นคงสูง.

เครดิตภาพ : AFP