วันที่ 24 พ.ค. “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม สอนมวย “สส.ซัน” จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) ที่ออกมาบอกว่า ได้รับหมายเรียกคดี “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.ฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจพาดพิง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สส.ซัน อยากให้มีการถอนฟ้อง โดยอ้างว่าเป็น สส. ที่มาจากประชาชน บิ๊กอ้วนตอบว่า “การพาดพิงคนนอกก็ต้องรับผิดชอบเอง จะมาเรียกร้องให้ถอนฟ้องทำไมถ้าคิดว่าทำถูกต้อง แล้วในการประชุมสภา ประธานในที่ประชุมจะพูดย้ำเสมอว่า ต้องระวังอย่าเอ่ยถึงคนนอก หรือบุคคลที่ 3 เพราะเขาไม่มีโอกาสแก้ตัว อย่าบอกว่าเป็นตัวแทนประชาชน เพราะตัวแทนประชาชนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย อย่าอ้างตัวแทนประชาชนพร่ำเพรื่อ”

ส่วนที่ “สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม ผิดหวังที่ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เปลี่ยนท่าทีต่อต้านเรื่องซื้องูเห่า บิ๊กอ้วนบอกว่า “นายรังสิมันต์ต้องมีวุฒิภาวะในการวิจารณ์ เพราะการจะเปลี่ยนอะไรก็เป็นเรื่องของ สส. คนนั้น ผิดถูกก็เป็นเรื่องของ สส. คนนั้น นายกฯ แค่พูดถึงความเป็นจริง ว่าเขาเปลี่ยนพรรคมาด้วยความสมยอมของตัวเองและพรรคที่รับ ส่วนที่ว่าจะใช้เงินซื้อหรือไม่ หากพิสูจน์ได้ก็ไปฟ้องศาล”

จากกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ได้ทำหนังสือมาขอให้แพทยสภาส่งเอกสารเกี่ยวกับการพิจารณาจริยธรรมแพทย์ 4 คนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จาก รพ.ราชทัณฑ์ ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งต่อมา แพทยสภา ได้มีมติให้ลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการลงโทษตักเตือน 1 คน และพักใช้ใบอนุญาต 2 คน และส่งเรื่องให้สภานายกพิเศษพิจารณาว่าจะวีโต้ (คัดค้าน) หรือไม่ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2568 ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ทางแพทยสภาไม่ได้ส่งเอกสารอะไรไปให้เพิ่มเติม เพราะตั้งแต่วันที่ไปยื่นมติแพทยสภาให้สภานายกพิเศษก็ได้ยื่นเอกสารประกอบไปหมดแล้วตามที่ควรจะได้ ในส่วนที่สามารถให้ได้ คิดว่าแค่นั้นก็มากเพียงพอที่เขาจะพิจารณาได้แล้ว

“ถ้าบอกว่า มีบางอย่างที่เขาไม่ได้ส่งให้แพทยสภา เพราะแพทยสภาไม่ได้ขอ อ้างไม่ได้ เราขอให้เขาส่งหมดอยู่แล้ว ครั้งที่ 2 ที่ส่งมาเพิ่มเติมเรายังยอมขยายเวลาให้ ทั้งๆ ที่เราจะสรุปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้แพทยสภาถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยซ้ำ เมื่อไม่ส่งอะไรมาเพิ่มเติม เราก็ตัดสินไปตามนั้น นี่เป็นไปตามขั้นตอน เราให้โอกาสเต็มที่ภายใต้ภววิสัยที่ดีที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”

นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ค.นี้ รมว.สาธารณสุข ต้องตัดสินใจจะดำเนินการอย่างไร เห็นด้วยหรือคัดค้านมติแพทยสภา

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก “เจ๊แมว” กุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต สส.พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้สมัคร สว. เดินทางมายื่นฟ้อง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า ฟ้องนายอนุทินในข้อหาหมิ่นประมาทจากกรณีที่นายอนุทินใช้คำพูดใส่ร้ายว่าตนเป็นคนกักขฬะ นิสัยไม่ดีชอบพูดโกหก อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการถอนฟ้องอย่างแน่นอน หากชนะคดีขึ้นมา ตนจะฟ้องแพ่งนายอนุทินและเรียกค่าเสียหายด้วยอย่างแน่นอน เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน และหลังจากนี้จะมีการไปร้องเรียนเรื่องจริยธรรมต่อที่สภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค. 2568 เวลา 09.00 น.

สำหรับการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 “สส.ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับเอกสารเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา เราพยายามคัดเลือกบุคคลที่จะอภิปรายในหัวข้อและประเด็นต่างๆ ที่จะไม่ซ้ำกันเลย โดยเบื้องต้นน่าจะมีผู้อภิปรายประมาณ 40 กว่าคน เนื่องจากปีนี้ประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ฉะนั้น เราจึงเห็นว่าเราควรที่จะช่วยรัฐบาลหางบประมาณ จึงเป็นธีม (แก่นเรื่อง) “ช่วยรัฐบาลหาเงิน โอกาสสุดท้าย ก่อนเศรษฐกิจไทยพังจริง” นอกเหนือจากปกติที่ฝ่ายค้านจะเสนอหลักการใช้งบประมาณที่ดี เสนอการรีดไขมันแล้ว ครั้งนี้เราจะช่วยจัดระดับความสำคัญของโครงการต่างๆ เพื่อจะให้มีเม็ดเงินเหลือมากเพียงพอที่จะเอาไว้ใช้รับมือกับสถานการณ์สงครามการค้าด้วย

เมื่อถามว่ามองเรื่องรูปแบบการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทที่เร่งหน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการเข้ามา เพื่อขอใช้งบภายในไม่กี่วันอย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราไม่อยากให้ดำเนินการซ้ำรอยเดิมจากที่เคยเป็นมาในช่วงโควิดที่มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 1.55 ล้านล้านบาท ที่ให้หน่วยงานส่งโครงการขึ้นมาเช่นกัน แต่ตอนนั้นเต็มไปด้วยโครงการเบี้ยหัวแตก ไม่ได้เกิดผลขึ้นจริง มีความล่าช้า มีโครงการที่ถูกยกเลิกและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดการคอร์รัปชั่น หาประโยชน์จากนักการเมืองในพื้นที่ เป็นต้น

“ซึ่งรอบนี้ก็มาแบบเดิม เช่น โครงการน้ำที่ให้เวลาในการส่งโครงการเพียงแค่ 2 วัน แต่เมื่อมีการทักท้วงกันก็ขยายเวลาเป็น 5 วัน การกำหนดนี้เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่อาจจะมีโครงการในกระเป๋าอยู่แล้วได้โอกาสนี้ไป แต่หากเป็นหน่วยงานที่ยังไม่มีโครงการอยู่ในมือก็อาจจะพลาดโอกาสนี้ไป ซึ่งทำให้มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน แทนที่จะเป็นโครงการไหนที่มีความเหมาะสมหรือสมควรได้ทำก่อน เราอยากเห็นว่ารัฐบาลมีโปรเจกต์อะไรในใจที่อยากให้เกิดขึ้น”

ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ “รองหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ให้บริการธุรกิจสถานบันเทิงระดับโลกสนใจเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก เพราะมองว่าไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมในการลงทุนธุรกิจนี้ พูดคุยไปแล้ว 2 ราย จากนี้จะมีธุรกิจระดับโลกเข้ามาอีก สำหรับพื้นที่ลงทุนยังไม่สามารถกำหนดได้จะมีกี่แห่ง แต่คิดว่าจำนวนเต็มที่ไม่น่าจะเกิน 3-5 แห่ง หรือ 7 แห่ง คงไม่เกินกว่านี้ ซึ่งหากลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ น่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนต่อแห่ง 2-3 แสนล้านบาท

“นักลงทุนด้านกาสิโนเข้ามาหารือกับผมแล้ว ในเร็ว ๆ นี้ จะหารือผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจประเภทสวนสนุกระดับโลก ผู้จัดอีเวนต์ กีฬาและโชว์ระดับโลก คอนเสิร์ต รวมถึงลงทุนฮอลล์ขนาดใหญ่ ใช้ระบบวีอาร์เสมือนจริงอย่างสเฟียร์ แต่การเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนนั้นจะต้องมีการแข่งขันส่งข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ว่าข้อเสนอนั้นตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่ โดยคาดว่า พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พร้อมเข้าสภาเป็นเรื่องแรกภายในเดือน ก.ค.นี้”

“ทีมข่าวการเมือง”