นับเป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวที่แฟนๆ ยกให้เป็นหนึ่งในนางเอกที่ดูแลตัวเองอย่างดี สำหรับ “เกรซ กาญจน์เกล้า” ที่ทุ่มเทศึกษาต่อปริญญาโท ด้าน Anti-Aging (ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ) และมักนำความรู้สิ่งดีๆที่ได้จากการเรียนหรือประสบการณ์มาบอกต่อเพื่อแชร์ให้กับแฟนๆได้ร่วมกันหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง
แต่ก็ไม่วายเกิดดราม่าหลังจากที่สาวเกรซได้ไปร่วมพูดคุยในรายการหนึ่ง ถึงประสบการณ์การเป็นติ่งเนื้องอกในลำไส้จากการทานยาลดกรดมาเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งได้มีชาวเน็ตรายหนึ่งนำคลิปช่วงนี้ไปโพสต์พร้อมตั้งคำถามกับข้อมูลของเกรซ ก่อนที่จะมีอีกหลายๆความคิดเห็นเข้ามาวิพากษ์วจารณ์ จนด้านเกรซเอง ไม่นิ่งนอนใจ จึงทำคลิปอธิบายพร้อมแนบภาพถ่ายลำไส้ของตัวเองและงานวิจัยต่างๆเพื่อรองรับสิ่งที่เธอพูด
ล่าสุด “เกรซ กาญจน์เกล้า” ได้มาร่วมงาน DPU RUN 2025:ANTI-AGING RUN วิ่งกับหมอเพื่อชะลอวัย เกรซได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องที่หลายคนวิจารณ์ว่าทำตัวเก่งกว่าหมอ โดย เกรซ เผยว่า
“จริงๆแล้วอันนั้นมันเป็นการแชร์ เจตนาจริงๆแล้วอยากให้หลายคนได้รู้ว่าอยากกินยาพร่ำเพรื่อ และควรจะรักษาที่ไลฟ์สไตล์และร่างกายของตัวเอง เกรซเชื่อว่าคนที่เป็นหมอจริงๆก็ไม่ได้อยากจ่ายยาพร่ำเพรื่อ แต่ว่าคนไข้ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แล้วพอกินเป็น 10 ปี เกรซก็เลยต้องแปะให้ดู เพราะหลายคนคิดว่าเกรซนั่งเทียนเขียนเอง แต่จริงๆแล้วฉันคือคนไข้ ก็เลยต้องแปะให้ดูว่านี่คือผลของการกินยาโดยไม่รักษาที่ตัวเอง ด้วยความที่อาชีพของเรามันกินอาหารไม่ตรงเวลานอนไม่เป็นเวลา เต็มไปด้วยความเครียด เราเลือกอาหารที่เรากินไม่ได้ ก็เลยอาจจะต้องใช้ยาเป็นตัวช่วย แล้วใครที่ดูอยู่แล้วยังใช้ยาก็ต้องอยู่ใต้คำแนะนำของคุณหมอไม่ใช่ว่าจะหยุดยาเองแบบนี้มันไม่ใช่ คิดว่าเรื่องแบบนี้มันคือการบาลานซ์ อะไรที่มันมากไปมันก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี“


อย่าบลูลี่กันเลย เราก็ไม่ได้จะไปเป็นหมอเราไม่มีทางเป็นได้ เพราะเราไม่ได้เรียนมา เพียงแต่ว่ามันจำเป็นเหรอที่ความรู้จะต้องเฉพาะกลุ่มอยู่แค่หมอ จริงๆเราทุกๆคนด้วยซ้ำควรที่จะมีความรู้ในแง่ของสาธารณสุข ในแง่ของสุขภาพที่มากกว่านี้เยอะด้วยซ้ำ เด็กๆรุ่นต่อไปคนที่จะเอาสกิลเรื่องของสุขภาพเรื่องของความรู้อีกเยอะ เพียงแต่ว่าเวลาที่เราสื่อสารหรือแชร์ข้อมูลมันอาจจะต้องมีพลูพหรืองานวิจัยรับรองจึงเกิดเป็นคลิปนั้นของเกรซเกิดขึ้น ทุกสิ่งที่พูดมันมีงานวิจัยรับรองจริงๆไม่อยากให้ดูถูกกัน ใจเกรซรับไหว เกรซแค่รู้สึกว่าอีกต่อไปคนที่เขาอยากจะแชร์เรื่องดีๆประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆและมันเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดบอกต่อสู่กันได้หรือเป็นการเตือนสติให้เป็นอุทาหรณ์ คนพวกนั้นเค้าก็จะไม่กล้าออกมาพูด เกรซว่าเราใช้พื้นที่ของเราให้เป็นประโยชน์มันคือความพยายามของเราแล้ว


เกรซ เผยต่อว่า”ถามว่ามันบั่นทอนจิตใจไหม มันไม่ได้ถึงขั้นบั่นทอนแต่แค่รู้สึกว่าเราเป็นคนไม่ชอบไฟต์ เอาจริงๆอยู่ในวงการมาถ้าไม่มีดราม่ากับคนในวงการ ส่วนใหญ่จะเป็นจากที่คนเค้ามองว่าเราเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่เราก็พร้อมที่จะอธิบาย สบายมากอยู่แล้ว เพียงแต่แค่เกรซว่าบางคอมเมนต์ที่บุลลี่ดูถูกว่าเราไม่ใช่หมอซะหน่อย เรียนแค่สองปีเอง เกรซว่าเราอย่าดูถูกความพยายามของใคร เราก็ไม่ได้สามารถที่จะถนัดและเก่งทุกอย่างในโลกได้ แต่เราเลือกที่จะเรียนรู้ได้ วันนี้ฉันอาจจะไม่ฉลาดแต่ฉันเรียนไปเรื่อยๆ วันนึงฉันจะต้องฉลาดขึ้น แต่ไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องฉลาดเท่าใครแค่เราจะต้องเก่งขึ้นกว่าตัวเองในเมื่อวานแค่นั้นเอง “
“เกรซไม่ได้มองว่าทำไมเค้าถึงมองเราไม่ดี แต่เกรซไม่อยากให้ใครหลายๆคนที่อยากจะทำอะไรดีๆแบบนี้มารู้สึกว่าเสียกำลังใจแล้วไม่กล้าเพียงเพราะว่าโดนคนบางคนหรือบางกลุ่มจำกัด บูลลี่ หรือเอาคลิปเราไปแปะวิจารณ์ เกรซว่าอะไรแบบนี้มันสามารถทำได้ถ้ามันอยู่ในขอบเขต ซึ่งคนที่ออกมาพูดก็ไม่ใช่คนที่รู้จริง ฉันไม่ได้อยากตอบโต้หรอกเพียงแต่ว่าอาจจะต้องโพรเทคตัวเองตรงนี้เพราะเราทำงานในสายงานของเรา เราเป็นดาราแล้วมาเรียนแบบนี้นี่คือสิ่งที่ฉันรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว ไม่ได้รู้สึกอยากตอบโต้หรืออยากเคลียร์ เกรซแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ใครเข้าใจว่าเกรซไม่มีความรับผิดชอบในการที่จะสื่อสารอะไรออกมาเพราะในสิ่งที่เราจะสื่อสารมันจะต้องมีงานวิจัยวิทยาศาสตร์รองรับอยู่แล้วอยากให้ทุกคนเปิดใจกับข้อมูลใหม่ใหม่เพราะโลกเรามันเปลี่ยนไปทุกวันอย่าไปยึดติดกับข้อมูลตำราเดิมๆ มันไม่ถึงขนาดที่กลัวแล้วไม่กล้าโพสต์เพียงแต่แค่ว่า มันทำให้เราเป็นคนที่มีความรอบคอบมากขึ้น อันดับแรกเราจะพูดอะไรมันก็ต้องมีหลักฐานเราไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอง แต่เวลาเราจะพูดอะไรก็ต้องมีข้อมูลแปะกันดราม่า “


เกรซ เล่าต่อว่า“หลายคนรับชุดข้อมูลมาไม่เหมือนกันแต่การที่เรารู้ชุดข้อมูลอีกชุดหนึ่งมา ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณรู้มันถูกต้องอย่างเดียวเสมอไปมันอาจจะมีอย่างอื่นอีก เกรซรู้สึกว่าอาจจะต้องเปิดใจให้กว้างขึ้นเท่านั้นเอง คงจะห้ามหรือไม่บอกให้ใครมาว่าไม่ได้หรอก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อะไรที่เราไม่ได้ทำ หรืออะไรที่เราเค้ามองว่าเราผิด ถ้าว่างแล้วไม่เหนือบ่ากว่าแรงแล้วเกรซไม่ได้ยุ่งเกรซอาจจะออกมาธิบายหรืออาจจะเอามาตอบคอมเมนต์ เพราะบางอย่างที่มันตอบแล้วมันไม่หยุด เถียงกันไปกันมามันก็ยิ่งก่อเป็นวอร์ดทะเลาะวิวาทเป็นสงครามในออนไลน์ ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแค่รู้สึกว่าสิ่งที่ออกมาพูด คืออยากให้หลายคนปรับจากไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมดีกว่าอย่าพึ่งยาอย่างเดียวเพราะยามันมีผลข้างเคียงของมัน“
“จะจัดการกับคนที่เข้ามาคอมเมนต์ยังไง ฉันก็ไม่ได้ไล่ลบแต่ถ้าบางอันที่มันหยาบคายจริงๆแล้วมันก่อวอร์ดหรือมีคนมาเถียงกันเยอะมากๆก็จะต้องขออนุญาต คนถามเหมือนกันว่าจะฟ้องไหม ถ้ามันแรงจริงๆก็คงต้องฟ้องเพราะมันคือชื่อเสียงของเราแต่ถ้ามันสามารถอธิบายหรือพูดคุยกันได้ เกรซไม่ได้อยากเป็นผู้ชนะของใคร แต่อย่ามาว่าเราในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ เกรซว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่แค่เกรซ แต่ทุกคนก็ไม่ควรยอม เราอย่าเปลี่ยนขาวให้เป็นดำแค่นั้นเอง“



ขอบคุณภาพประกอบจาก:gracekanklao