เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีที่นัดรับประทานอาหารร่วมกับ สส. 20 คน ว่า กรณีที่ไปรับประทานอาหารที่โรงแรมคอนราด กับ 20 คน เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่วน 20 คนนี้ จะตามไปอยู่ที่พรรคโอกาสใหม่หรือไม่นั้น ตนไม่สามารถพูดหรือตัดสินใจแทนคนอื่นได้ เพราะเป็นสิทธิของทุกคนที่จะตัดสินใจเอง แต่ตนได้บอกในแนวทางของตนเอง ว่าถ้าเราไปตรงอื่นแล้วสามารถทำประโยชน์หรือสามารถแสดงออกทางความคิดต่างๆ ได้ ก็คิดว่าไป แต่ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ ซึ่งบางคนเป็น สส. อยู่ อาจจะพูดลำบาก เพราะอาจจะถูกนำไปตีความผิด แล้วจะยุ่งไปกันหมด
เมื่อถามว่า 20 คน ที่มาเชิญมาร่วมรับประทานอาหาร กำลังมีปัญหาทางใจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าตนอาศัยบ้านเขาอยู่ ดังนั้นด้วยมารยาทแล้ว ตนไม่อาจจะไปให้ความคิดเห็นอะไรได้ ทั้งนี้ พรรคอาจจะดีสำหรับคนบางกลุ่ม บางคน แต่สำหรับตนแล้ว ถ้าตนอยู่ไม่ได้ หรือคิดว่าไม่เหมาะสมกับตัวเอง ตนก็จะออกมาดีกว่า เพราะเราแค่ไปอาศัยบ้านเขาอยู่
เมื่อถามย้ำเหตุผลเหตุผลที่เลือกเชิญ 20 คนนี้ ไปหารือถึงอนาคตทางการเมือง นายสุชาติ กล่าวว่า อย่าลืมว่าตนออกจากพรรคพลังประชารัฐมารวมไทยสร้างชาติ ก็มากันหลายคน จริงๆ เรากินข้าวกันมานานกว่า 5-6 เดือนแล้ว แต่ไม่เคยถ่ายรูปเผยแพร่ แต่บังเอิญวันนั้นอาจจะมีรูปหลุดออกไป ทำให้ต้องตอบคำถามสังคม อย่างไรก็ตาม คนเราเป็นเพื่อนกัน เช่น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรีสุราษฎร์ธานี หรือ นราธิวาส สงขลา ทุกคนก็มาด้วยกันตั้งแต่แรก
“การที่เชิญทั้ง 20 คน มาหารือ ก็เกิดจากตัวผมเอง ผมคิดว่าวันหนึ่ง ผมคงต้องไปทำการเมืองในพรรคใหม่ ที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับผม ผมก็ต้องถามเพื่อนๆ เพราะผมชวนเขามา ผมก็ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเมื่อผมจะไปอย่างนี้แล้ว ทุกคนคิดเห็นอย่างไร ซึ่งผมบอกตรงนี้ว่า ส่วนมากเขาก็เชื่อในการตัดสินใจของผม” นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามต่อว่าผลตอบรับจากผู้ที่เข้าไปร่วมรับประทานอาหารในวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง นายสุชาติ กล่าวว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจมา 5-6 เดือนแล้ว ที่เหลือมีเพิ่มเติมเข้ามา คือมาฟังแนวคิดกันว่าใครคิดอย่างไร ทำไมตนจึงคิดอย่างนี้ การที่จะไปที่ใหม่เพราะเราคิดว่าสามารถเติมเต็มนโยบาย หรืออะไรที่สามารถทำให้กับประเทศชาติบ้านเมืองได้มากกว่านี้ หรือพวกตนสามารถที่จะเข้าไปกำหนด นโยบายอะไรต่างๆ ได้ โดยเป็นแบบน้ำไม่เต็มแก้ว สามารถเติมได้ ถ้าเกิดเป็นน้ำเต็มแก้ว เติมอะไรเข้าไปไม่ได้มีแต่ล้น
เมื่อถามว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ ที่กล่าวถึงนั้น คือความเห็นของผู้ที่เข้าร่วมรับประทานอาหารในวันนั้นใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ด้วยมารยาทแล้ว เขาสังกัดพรรคการเมืองอยู่ มันพูดไม่ได้ เพราะถ้าพูดแล้วจะมีการเอาไปตีความ ว่ายังเป็น สส. อยู่ หากพูดออกมาเช่นนี้ แปลว่าไม่อยากเป็น สส. แล้วอย่างนั้นหรือไม่ อาจจะนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อม เสียงบประมาณของประเทศ
ต่อข้อถามที่ว่าการที่มีการตัดสินใจมา 5-6 เดือนแล้ว แปลว่าจะตามนายสุชาติไปหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ก็มาด้วยกัน มันก็ต้องไปด้วยกัน ดูตัวอย่าง นายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นคนบ้านเดียวกัน แล้วจะทิ้งกันได้อย่างไร ส่วนกรณีที่นายจิรวุฒิปฏิเสธนั้น ก็ต้องย้ำว่าโดยมารยาทแล้ว เขาก็ต้องพูดไปอย่างนั้น ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ ที่ต้องยอมรับว่าเรามาพร้อมกัน ส่วนจะมีโอกาสที่นายธนกรจะไปกับตนหรือไม่นั้น ก็ขอพูดตรงๆ ว่าเพิ่งโทรศัพท์พูดคุยกัน
“ถ้าย้อนกลับไป ตนต้องออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะใคร เพราะมาช่วยท่าน แต่วันนี้ท่านนั้นก็รับใช้บ้านเมืองอีกสถานะหนึ่ง ไม่สามารถลงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง การจะเอ่ยถึงท่าน ก็ต้องระมัดระวัง ผมไปพบไปเจอไปกราบ ในช่วง เทศกาลปีใหม่สงกรานต์หรือวันคล้ายวันเกิด แค่นั้นเอง ผมไม่เคยพูดเรื่องการเมือง ส่วนตัวท่านเอง ก็ฝากผมมาเรื่องนี้เหมือนกันว่าท่านทำงานรับใช้บ้านเมืองในอีกสถานะหนึ่ง ท่านไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ดังนั้นเมื่อตนมาช่วยการเมืองปี 2566 แล้ว วันนี้หมดภารกิจหน้าที่ของผมที่ตรงนั้นแล้ว” นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าอาจจะมีคนไปอยู่ที่พรรคการเมืองใหม่กับนายสุชาติ ไม่เกิน 6 คน นายสุชาติ กล่าวว่า เราไม่ได้ทะเลาะกัน และอย่าทะเลาะกันดีกว่า เพราะเราไม่ได้ผิดใจกัน แต่ถ้าจำเป็นที่ต้องให้ตนแสดงความเห็นจริงๆ พรรคสามารถทำหนังสือขับพวกตนไปอยู่พรรคอื่นได้หรือไม่ แล้วตนจะทำให้ดูว่าจะมีทั้งหมดกี่คน แต่ตนไม่อยากให้ทำสิ่งอย่างนั้น ตนจึงไม่พูดขนาดนั้น ไม่ไปขอร้อง ผู้บริหารพรรคต้องมา จากกันด้วยไม่ดี แต่ขอบอกว่าใน 5-6 คนที่บอกนั้น เป็นแค่จำนวนเสี้ยวเดียว
เมื่อถามว่านายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เจอปัญหาจริยธรรมสุดท้ายหากเจออุบัติเหตุ ไม่ได้ไปต่อทางการเมือง จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัดการภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มของนายสุชาติจะเปลี่ยนใจอยู่พรรคนี้ต่อหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า พูดด้วยความรู้สึกของพวกตน ระยะเวลา 1-2 เดือนที่ผ่านมา พวกเรารอคำตอบที่นายพีระพันธ์ุ จะตอบคำถามว่า ถูกหรือผิด หรือพรรคการเมืองจะไปอย่างไร มันคลุมเครือ นี่เป็นประเด็นที่ทำให้เรางงอยู่ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ถ้าเกิดอุบัติเหตุอย่างที่มีการร้องเรียนกันมา แต่กลับไม่มีคำชี้แจง ซึ่งท่านเองก็เป็นนักกฎหมาย ขณะที่พวกเราไม่ใช่นักกฎหมาย จึงตอบแทนท่านไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริง โครงสร้างต่อไปจะกลายเป็นกลุ่มแบบไหน หรือพวกเราจะเข้าไปมีสิทธิในการบริหารจัดการ หรือเพิ่มเติมอะไรได้หรือไม่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้.