Insight Korea สื่อดังแดนกิมจิ รายงานว่า “หมูสามชั้น” หรือ “หมูกรอบ” เมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนที่เคยถูกมองว่าไม่ควรกิน เพราะมีไขมันสูง จะทำให้อ้วน แต่จากงานวิจัยของอเมริกา เผยว่านี่คือ “สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะในเนื้อหมูมี “วิตามิน B1” (ไทอามีน) มากกว่าเนื้อวัวถึง 6 เท่า!
วิตามิน B1 เป็นขุมพลังสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายสดใสมีชีวิตชีวา! แถมในน้ำมันหมูยังอุดมไปด้วย “วิตามิน D” ที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน รวมถึงเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย!
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่มีระดับวิตามิน D สูง จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น และที่สำคัญ… ลดไขมันหน้าท้องได้เห็นผลชัดเจนกว่า ดังนั้น ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับวิตามิน D เยอะ ๆ ก็ต้องกินเนื้อหมู โดยเฉพาะ “หมูสามชั้น” เพราะได้รับทั้งเนื้อหมูและไขมันหมูไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้ “โครงหมู” ยังเป็นดาวเด่นในวงการเซลล์ต้นกำเนิด (stem cell) กุญแจสำคัญคือ “กรดโอเลอิก” ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีมากในโครงหมู! กรดโอเลอิกมีคุณสมบัติลดการอักเสบ และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ส่งผลดีต่อการเติบโต และการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดอย่างน่าทึ่ง!
กิน “หมูสามชั้น-หมูกรอบ” ที่มีไขมันหมู ช่วยเรื่องความงามด้วย
ปัจจุบันการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันในร่างกายกำลังเป็นที่นิยม เพราะสามารถสกัดเซลล์ต้นกำเนิดได้มากกว่าไขกระดูกถึง 500 เท่า และมากกว่าเซลล์ต้นกำเนิดในเลือดส่วนปลายถึง 25,000 เท่า
และผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า การกินไขมันหมูในปริมาณที่เหมาะสมก่อนการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด อาจช่วยเพิ่มคุณภาพของเซลล์ต้นกำเนิดได้อีกด้วย!
โดยเราสามารถสกัดเซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันที่บริเวณต้นขา หน้าท้อง และต้นแขน เพื่อนำมาฉีดเข้าไปในผิวหนัง วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และมีผลทำให้ผิวขาวขึ้น
กิน “หมู” อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?
ปริมาณที่เหมาะสมคือ 100-150 กรัมต่อวัน
ในส่วนของการนำน้ำมันหมูมาประกอบอาหาร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้น้ำมันหมูจะอุดมด้วยสารอาหารดีๆ แต่ก็ต้องใช้อย่างสมดุล!
“เนื่องจากน้ำมันหมูมีไขมันสูง จึงควรควบคุมปริมาณที่บริโภค และใช้ปรุงอาหารในปริมาณที่เหมาะสม”.
ที่มาและภาพ : insight korea