จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก kho Tao Death Island โพสต์บทความพร้อมคลิป การเสียชีวิตปริศนาของครูสอนดำน้ำสาวชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เป็นเหตุฆาตกรรม แต่ถูกตำรวจไทย ระบุการเสียชีวิตว่า มาจากการฆ่าตัวตาย จนกลายเป็นคลิปไวรัลไปทั่วโลก นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย. พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า พ.ต.อ.เกรียงไกร ไกรแก้ว ผกก.สภ.เกาะเต่า รายงานเบื้องต้นว่า จากการตรวจสอบ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเมื่อปี 2547 ขณะที่นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าว ซึ่งเป็นครูสอนดำน้ำ เดินทางท่องเที่ยวยังเกาะเต่า และเช่าบ้านพักอยู่บนเขา พื้นที่บ้านแม่หาด หมู่ 2 ต.เกาะเต่า ต่อมาได้มีผู้พบศพอยู่ในบ้านพัก การตรวจสอบไม่พบพยานหลักฐานใดว่ามีผู้ทำให้เสียชีวิต และในที่เกิดเหตุมีจดหมายของผู้ตายเขียนถึงญาติ เมื่อรับเป็นคดีชันสูตรทางญาติไม่ติดใจ จึงสันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุฆ่าตัวตาย

พล.ต.ต.สาธิต เปิดเผยด้วยว่า ในปี 2547 ต.เกาะเต่า ยังเป็นอำนาจสอบสวนของ สภ.เกาะพะงัน ซึ่งตนได้สั่งการไปยัง สภ.เกาะพะงัน ให้ดำเนินการตรวจค้นสำนวนคดีดังกล่าวว่า ยังเก็บรักษาอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้เป็นพยานหลักฐานในการรายงานข้อเท็จจริงต่อไป

ด้าน นายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรัตน์ นายอำเภอเกาะพะงัน กล่าวว่า ได้รายงานข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้ นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ทราบแล้ว และจากการตรวจสอบบัญชีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่าเป็นของกลุ่มชาวต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ได้มีเคลื่อนไหวด้วยการรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเต่าที่ผ่านมาในอดีต เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวบนเกาะเต่าอีกหลายคน รวมถึงการเสียชีวิตของ 2 นักท่องเที่ยวชายหญิงชาวอังกฤษ คือ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ และ นายเดวิด มิลเลอร์ ที่ถูกฆาตกรรมบริเวณหาดทรายรี บนเกาะเต่า เมื่อเดือน ก.ย.57 แม้ว่าฝ่ายกฏหมายของไทยจะสามารถจับกุมผู้ต้องหา และศาลตัดสินให้ผู้ก่อเหตุรับโทษไปแล้วก็ตาม เชื่อว่าการกระทำของกลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้ เพื่อต้องการสร้างความเสียหายกับให้ประเทศไทย