เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยในช่วงสัปดาห์หน้า โดยชี้ว่าเป็นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ที่จะชี้ชะตาอนาคตประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะบทบาทของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังคงยืนยันไม่ลาออก ไม่ยุบสภา แม้จะเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการจับตาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับคำร้องของกลุ่ม สว.สายน้ำเงินที่ยื่นถอดถอนนายกฯ หรือไม่ และมีโอกาสที่จะสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ชั่วคราวหรือไม่ หากเกิดกรณีนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี อาจต้องทำหน้าที่ “นายกฯ รักษาการ” แทน

ในขณะเดียวกัน กระแสต่อต้านจากภาคประชาชนเริ่มก่อตัวอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการนัดชุมนุมใหญ่ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 150,000 คน ซึ่งนับเป็นม็อบระดับแสนคนครั้งแรกนับตั้งแต่ยุค กปปส. หากสถานการณ์ลุกลาม อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ

อีกประเด็นร้อนคือ กองทัพเริ่มมีการใช้ อำนาจกฎอัยการศึก คุมเข้มพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านความมั่นคงจากกรณีพิพาทกับกัมพูชา

นอกจากนี้ยังมีคดีการเมืองจ่อคิวรอพิจารณาอีกจำนวนมาก อาทิ

  • คดีอั้งยี่กลุ่ม สว.
  • คดียุบพรรคภูมิใจไทย
  • การตรวจสอบที่ดินเขากระโดงกว่า 5,000 ไร่
  • การชำแหละโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่อาจมีค่าปรับหลายหมื่นล้านบาท

รวมถึงการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยไพศาลเตือนว่า พรรคเพื่อไทยควรเลือกบุคคลจากความสามารถ ไม่ใช่แค่ “สายเลือด” หรือ “พรรคพวก” มิฉะนั้นอาจกลายเป็นการผลักประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติซ้ำรอยในอดีต

ทั้งหมดนี้ทำให้การเมืองไทยเข้าสู่โหมดตึงเครียดระดับสูง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองได้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า