เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการสมาชิกสมาคมและจัดการบรรยายสาธารณะ หัวข้อ “The Courts and the Protection of Human Rights” โดยมีนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและในฐานะประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้มีสมาชิก 21 ประเทศ โดยประเทศที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐทูร์เคีย สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ส่วนที่เหลือเข้าประชุมผ่านระบบออนไลน์

นายจิรนิติ หะวานนท์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บรรยายหัวข้อ”ศาลรัฐธรรมนูญไทยใน 3 ทศวรรษและความท้าทายในทศวรรษหน้า” ตอนหนึ่งระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมาได้ 3 ทศวรรษแล้วและกำลังเข้าสู่ศตวรรษที่ 4 ในยุคทศวรรษแรกหลังมีการตั้งศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ 40 หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญคือวางรากฐานของคดีรัฐธรรมนูญ ทำความเข้าใจว่าบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญคืออะไร เราจะวินิจฉัยเฉพาะพระราชบัญญัติที่มีปัญหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น และมีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่บ้างเช่นคำวินิจฉัยที่ 21/2546 พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 12 ที่บัญญัติให้ภรรยาต้องใช้ชื่อสกุลของสามี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าว่ากฎหมายลักษณะนี้ไม่เสมอภาคระหว่างชายหญิงจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

นายจิรนิติ กล่าวว่า ต่อมาในยุคที่สองปี2550-2557 มีปัญหาทางการเมืองเยอะ เป็นยุคที่ศาลรัฐธรรมนูญมีส่วนในการพาประเทศฝ่าวิกฤต เช่นคำวินิจฉัยที่12-13/2551 เรื่องความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดลงเนื่องจากไปมีรายได้จากสื่อ คำวินิจฉัยที่15-18 /2556 เรื่องสมาชิกรัฐสภาเสียบบัตรแสดงตนแทนกัน ในการแก้ไขกฎหมาย คำวินิจฉัยที่ 9/2557 เรื่องความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ของตนไปโยกย้ายข้าราชการเพื่อให้ญาติของตนเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน โดยยุคนั้นเป็นยุคที่มีปัญหาทางการเมืองมากศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมาเพราะเมื่อวินิจฉัยแล้วก็จะมีเหตุการณ์สำนักงานฯ ถูกยิงด้วยปืน M79

นายจิรนิติ กล่าวต่อว่า มาถึงยุคปัจจุบันคือตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งขยายบทบาทศาลรัฐธรรมนูญ ในการพิจารณาคดีร้องทุกข์ทางรัฐธรรมนูญ คือให้มีพิจารณาการกระทำของหน่วยงานของรัฐเพิ่มขึ้นจากอดีตที่ดูแค่ตัวกฎหมาย ขณะที่คดีการเมืองก็ยังเยอะ เช่น คำวินิจฉัยที่ 3/2562 ยุบพรรคการเมืองเพราะ มีการเสนอชื่อพระราชวงศ์ชั้นสูงมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คำวินิจฉัยที่ 5/2563 ยุบพรรคการเมืองเนื่องจากกู้ยืมเงินหัวหน้าพรรค ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเข้าข่ายทำให้หัวหน้าพรรคครอบงำพรรคได้ และคำวินิจฉัยที่ 20/2563 ที่ให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลงเนื่องจากถือหุ้นสื่อ

นอกจากนี้ยังมีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เช่นคำวินิจฉัยที่ 4/2563 ว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 เรื่องความผิดฐานทำแท้งลูกขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยที่สำคัญแต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงคือคำวินิจฉัยที่ 30/2563 ที่วินิจฉัยว่าประกาศคสช.ที่ 29/2557 ที่เรียกบุคคลให้มารายงานตัว ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งในอดีตไม่ว่าศาลใดจะไม่แตะต้องคำสั่งคณะรัฐประหาร แต่กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำสั่งลักษณะนี้ของคณะรัฐประหารใช้ได้เฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องรักษาความมั่นคง เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปกติคำสั่งนี้ก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ในทางวิชาการถือว่าเป็นคำวินิจฉัยที่สำคัญและเป็นคำวินิจฉัยแรกที่ศาลในประเทศไทยเข้าไปวินิจฉัยเกี่ยวกับคำสั่งของคณะรัฐประหาร

 และยังมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 เรื่องการจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้มีการทำประชามติ ซึ่งถึงปัจจุบันก็ยังมีการอ้างกันอยู่ และจากคำวินิจฉัยนี้ก็ยังมีปัญหาในปัจจุบันว่าจะต้องทำประชามติกันกี่หน ซึ่งคำถามนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

อีกคำวินิจฉัยที่สำคัญคือคำวินิจฉัยที่ 19/2564 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการรณรงค์หรือแคมเปญการหาเสียงเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายการปกครองฯ ย่อมเป็นการนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“หลังวินิจฉัยคดีนี้ไปแล้ว ผมขับรถผ่านสามเหลี่ยมแดงทีไรก็คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถูกแล้วเพราะแต่พอค่ำก็ขับผ่านไม่ได้แล้วเพราะมีม็อบมาและมีการขว้างระเบิดกัน แต่ตอนนี้ก็สงบเรียบร้อยแล้ว จะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ช่วยแก้วิกฤตทางการเมืองให้กับประเทศเยอะทีเดียว”ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าว

นายจิรนิติ กล่าวด้วยว่า ความท้าท้ายของศาลรัฐธรรมนูญในทศวรรษที่ 4 คือจะทำอย่างไรให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนและรักษาความเป็นกลางได้ โดยเฉพาะบทบาททางการเมือง ซึ่งการเมืองก็พยายามที่จะแทรกเข้ามาสู่ศาลรัฐธรรมนูญ พยายามจะเปลี่ยนองค์ประกอบอะไรต่างๆ ซึ่งเราก็ต้องพยายามที่จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ออกไป และเมื่อเข้าสู่ยุคที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปัญหาคือถ้าเป็น AI ของรัฐ แล้ว AI ไปคิดเองทำเอง สิ่งที่ทำไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เราจะตั้งรับอย่างไร เพราะก็จะมีข้ออ้างว่า AI คิดเอง หน่วยงานของรัฐไม่ได้ทำ ในต่างประเทศที่ AI ไปคิดโครงสร้าง คิดสูตรนั้น สูตรนี้ แล้วศาลก็มีคำวินิจฉัยว่า AI ไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่มีลิขสิทธิ์ซึ่งก็เป็นโจทย์ปัญหา ที่อยากให้ช่วยกันคิดต่อไป

ส่วนในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ก็ยังมีข้อจำกัดโดยในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าอะไรบ้างเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้ประชาชนยื่นคำร้องตรงมาที่ศาลเลยไม่ได้ เช่นคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอื่นหรือมีคำพิพากษาเรียบร้อยไปแล้วซึ่งในรูปแบบของประเทศไทย ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ซุปเปอร์ศาล เราจะไม่ไปรีวิวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอื่น เพราะแต่ละศาลก็มีหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญเหมือนกัน ถ้าเรารีวิวคำพิพากษาของศาลอื่นได้คิดว่าคงมีคดีเป็นแสนคดีมาสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคงไม่มีใครพอใจถ้ายังมีช่องทางให้ไปต่อ เขาก็ต้องไปยื่น จึงเห็นว่าบทบาทคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของศาลรัฐธรรมนูญๆ ก็พยายามที่จะดูแลอยู่ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเรามีบทบาทและมีข้อจำกัดอยู่.