เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์ จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ขีดเส้น 45 วัน นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล ว่า เครือข่ายฯ มองว่า การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เดินอยู่บนเส้นทางของข้อเท็จจริง หรือฉวยจังหวะแก้แค้นพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะหาก รมว.สาธารณสุข ใช้การเอาชนะทางการเมืองมากำหนดสถานะของพืชสมุนไพรกัญชา จะทำให้ทุกอย่างเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ถูกต้อง
“นายสมศักดิ์ มีความพยายามอย่างหนักก่อนหน้านี้ในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยเรื่องกัญชา ที่พยายามพูดกับประชาชนว่ากัญชาอันตรายร้ายแรง แต่ตัวเองกลับเมินเฉยไม่มีมาตรการใดออกมาเลยแม้สักนิดเดียว แต่พอพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล นายสมศักดิ์ กลับมาพูดประโยคเดิมอีกครั้งคือกัญชาอันตราย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมากมาย เพื่อเป้าหมายเดียวคือนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ทันทีที่พรรคภูมิใจไทยลาออกจากรัฐบาล นายสมศักดิ์ ดำเนินกิจกรรม 2 ประการคือ 1.ออกประกาศกระทรวงฉบับใหม่ และ 2.ปล่อยขบวนตรวจจับกัญชา เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่ดำเนินการใด ทั้งนี้โดยข้อเท็จจริงแล้ว ตอนนี้การใช้กัญชามีน้อยมาก จนร้านจำนวนมากทยอยปิด แต่ รมว.สาธารณสุข กลับเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง กระพือข้อมูลเพื่อสนองเป้าหมายสุดท้ายคือ นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ฉะนั้นในขณะนี้ พืชกัญชากำลังถูกกลเกมทางการเมืองควบคุมและเมื่อนายสมศักดิ์ ใช้การเมืองมากำหนดนโยบายมาตรการต่างๆ จะผิดพลาดและเอื้อประโยชน์แก่บางกลุ่ม พิจารณาได้จากประกาศกระทรวงล่าสุด ที่รัฐมนตรีเพิ่งลงนามไปนั้น มีมาตรการคุ้มครองที่อ่อนด้อยกว่าเดิม แต่กลับเพิ่มเงื่อนไขการผูกขาดโดยผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแทนที่การคุ้มครองแบบเดิม กล่าวคือ ประกาศเดิมห้ามจำหน่ายแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามจำหน่ายแก่นักเรียน ถูกตัดทิ้งไป มาตรการใหม่ที่มาแทนระบุว่า ผู้ที่ซื้อได้จะต้องมีใบอนุญาตจากแพทย์ มาตรการใหม่นี้มีจุดอ่อนตรงที่หากนักเรียนหาใบอนุญาตมาได้ ก็สามารถซื้อกัญชาได้ แน่นอนที่สุดว่าใบรับรองจากแพทย์นั้นซื้อหากันได้
เมื่อพิจารณาจะพบว่าสิ่งที่นายสมศักดิ์ ประกาศว่าประชาชนเดือดร้อน จะต้องแก้ปัญหาแต่กลับออกมาตรการที่หละหลวมกว่าเดิม และเป็นการมอบอำนาจการใช้สมุนไพรต้นหนึ่งของประชาชนไปอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญที่รังเกียจกัญชา พฤติกรรมของรัฐมนตรีทั้งหมดจึงเป็นความพยายามปั้นแต่งสถานการณ์ทั้งมวลเพื่อให้เข้าทางของตนเอง และมีเป้าหมายในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด
“นายสมศักดิ์ ชอบกฎหมายยาเสพติด ก็เพราะเมื่อนำกัญชาไปขังไว้แล้ว ก็สามารถออกมาตรการเฉพาะให้กับบุคคลเฉพาะสามารถปลูก แปรรูป จำหน่าย ส่งออกกัญชาได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผูกขาดกัญชาที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านต่อปี เป้าหมายของนายสมศักดิ์ คือจุดนี้ มิใช่ห่วงใยเยาวชนอย่างที่กล่าวอ้าง การอยากผูกขาดมูลค่ามหาศาลของกัญชา ประกอบกับการแก้แค้นทางการเมือง วันนี้นายสมศักดิ์ จึงเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงทุกประการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งตน”
ดังนั้น เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจึงดำเนินการดังนี้ 1.ขอแก้ไขประกาศกระทรวงฉบับลงนาม 23 มิ.ย. 2568 โดยขอให้นำหลักการเดิมกลับมาใช้คือ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงกัญชาได้ภายใต้มาตรการควบคุม ประกาศกระทรวงฉบับใหม่คนเข้าถึงกัญชาต้องมีใบผ่านทาง โดยการอนุญาตของคนกลุ่มเดียวที่ถูกสถาปนาว่าเชี่ยวชาญจะเกิดการทุจริตและการออกใบอนุญาตไม่สะท้อนความเป็นจริงทางการแพทย์แต่อย่างใด และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ 2.ขอให้นายสมศักดิ์ หยุดเพ้อฝันว่าจะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด แต่ควรรีบนำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธรณสุข ทำไว้ และผ่านการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้วเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่นายศักดิ์ ควรทำนานแล้ว
นอกจากนี้ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเชิญชวนทุกท่าน พร้อมกันที่กระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 7 ก.ค. 2568 เวลา 13.00 น. เพื่อดำเนินภารกิจทั้ง 2 ประการ และเราตกลงร่วมกันว่าจะมีปฏิบัติการต่อเนื่องจนกว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา และได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา.