เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อกองกำลัง KNDO และ KNLA ได้ร่วมกันใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา กองบัญชาการยุทธวิธีที่ 1 ค่ายทีตาแหล่ ในพื้นที่บ้านทีตาแหล่ อ.วาเลย์ใหม่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทหารเมียนมาที่ค่ายทีตาแหล่ ได้ยิงอาวุธหนัก 2 นัด ตอบโต้ไปยังพื้นที่บ้านวาเล่ย์ใหม่ ทำให้มีพลเรือนชาวเมียนมาในพื้นที่บ้านวาเล่ย์ใหม่ ได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้อพยพข้ามมารักษาตัวยังฝั่งไทย ที่โรงพยาบาลพบพระ จ.ตาก

นอกจากนี้ ยังมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เริ่มอพยพเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณท่าข้ามวาเล่ย์ บ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแล้ว

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กองกำลังนเรศวรเพิ่มมาตรการป้องกันชายแดน 24 ชั่วโมง โดย พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้สั่งการให้จัดกำลัง ชุดตอบโต้เคลื่อนที่เร็ว ฉก.ราชมนู เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในพื้นที่แนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มขีดความสามารถ

โดยมีมาตรการดังนี้

จัดกำลังเพิ่ม : เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพื่อแสดงกำลังและป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธ

ช่วยเหลือผู้ประสบภัย : จัดกำลังพลร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ, สถานีตำรวจภูธรพบพระ, ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น และอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ให้ความช่วยเหลือราษฎรชาวเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรม

แจ้งเตือนประชาชน : ประสานฝ่ายปกครองและตำรวจเพื่อแจ้งเตือนประชาชนตามแนวชายแดนให้ทราบสถานการณ์และเพิ่มความระมัดระวัง

เตือนกองกำลังต่างชาติ : แจ้งเตือนไปยังกองกำลังฝั่งตรงข้าม ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้อาวุธบริเวณใกล้แนวชายแดน

เตรียมพร้อมรับมือ : นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งยิงตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน