หลายคนยังไม่ทราบว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีพุทราสายพันธุ์ดี ๆ มากมาย มีเกษตรกรไทยนำพันธุ์พุทราจากไต้หวันมาปลูกในบ้านเราจนประสบผลสำเร็จหลายราย เนื่องจากพุทราไต้หวันมีขนาดของผลใหญ่, รสชาติดีและเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้วงการการปลูกพุทราในประเทศไทยได้เปลี่ยนจากการปลูกพันธุ์ดั้งเดิมหันมาปลูกพุทราไต้หวันกันมากขึ้น ชื่อพันธุ์ว่า “ซุปเปอร์จัมโบ้” อีกพันธุ์หนึ่งมีชื่อว่า พันธุ์ “ซื่อมี่” ที่คนไทยมักเรียกกันว่า “พุทรานมสด” จัดเป็นพุทราอีกสายพันธุ์หนึ่งของไต้หวัน ที่มีขนาดของผลใหญ่ปานกลาง เป็นพุทราที่มีรูปทรงของผลเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยมยาวขนาดของผลเมื่อใหญ่เต็มที่จะมีน้ำหนัก 8-10 ผลต่อกิโลกรัม เนื้อหวานกรอบ

ในขณะเดียวกันที่ไต้หวันเองได้มีการพัฒนาสายพันธุ์พุทราอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีของ พุทราพันธุ์ “มิ่งเฉา” ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทยเรียกว่า พันธุ์ “น้ำผึ้ง” เป็นพุทราสายพันธุ์ใหม่ที่มีการปลูกมากในไต้หวันในปัจจุบันนี้ ด้วยคุณภาพที่เนื้อหวานกรอบทานอร่อยมากและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ มีรูปทรงแตกต่างจากพันธุ์ซุปเปอร์จัมโบ้และพันธุ์นมสด คือ ทรงผลยาวเป็นรูปหัวใจ ก้นผลแหลม ขนาดของผลใหญ่มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 6-10 ผลต่อ 1 กิโลกรัม (การตัดแต่งผล ซอยผลออกมีผลต่อขนาดความใหญ่ขนาดผลพุทรา)

จากการที่ “สวนคุณลี” อ.เมือง จ.พิจิตร โทร.08-1886-7398 ได้นำสายพันธุ์มาปลูกและขยายพื้นที่ปลูกพุทราพันธุ์ “มิ่งเฉา” มากเกือบ 10 ปี พบว่าพุทราพันธุ์ “มิ่งเฉา” มีรสชาติหวานกรอบทานอร่อย, มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมาก, เมล็ดเล็กและที่น่าสนใจมาก คือ จุดเด่น เรื่องของอายุการวางตลาดของพุทราพันธุ์ “มิ่งเฉา” ที่หลังจากเก็บออกมาจากต้น จะค่อนข้างนานกว่าพันธุ์จัมโบ้และพันธุ์ซื่อมี่ โดยพุทราพันธุ์มิ่งเฉา ก้นผลไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงเลย จะคงสภาพสีผิวเหมือนเดิมนั้น เป็นคำตอบในการพัฒนาสายพันธุ์พุทราของไต้หวันนอกจากรสชาติหวานทานอร่อยมีกลิ่นหอมมากนั่นก็คือ การวางตลาดที่นาน โดยผลพุทราไม่เปลี่ยนแปลงสภาพ หรือบ้านเราเรียก “พุทราก้นแดง” ยิ่งนำไปเก็บรักษาในตู้เย็นยิ่งเก็บได้นานนับเดือนทีเดียว

เทคนิคการผลิตพุทราไต้หวันให้ผลใหญ่สม่ำเสมอทั้งต้น เนื่องจากพุทราสายพันธุ์ไต้หวันมีขนาดของผลใหญ่และให้ผลผลิตดกและวิธีการที่จะทำให้พุทรามีขนาดของผลใหญ่สม่ำเสมอทั้งต้นจะต้องมีการดูแลแตกต่างจากการปลูกพุทราโดยทั่วไป โดยยึดหลักการเทคนิคสำคัญดังนี้ หนึ่ง หากปล่อยให้ติดผลดกเกินไปจะทำให้ผลมีขนาดเล็กลงและไม่ได้คุณภาพจะต้องปลิดผลหรือซอยผลออกด้วยกรรไกร โดยจะไว้ผลเพียงข้อละ 1 ผลเท่านั้น หรือไว้ผลข้อเว้นข้อ ยกตัวอย่างเกษตรกรไต้หวันจะให้ความสำคัญในการปลิดผลเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผลพุทรามีขนาดใหญ่ เป็นเกรดเอให้ได้มากที่สุดซึ่งส่งผลต่อราคาที่ดี สอง เมื่อผลพุทราไต้หวัน มีขนาดใหญ่เท่ากับนิ้วโป้งมือจะต้องทำการห่อผล ซึ่งการทำการห่อผลมักจะทำการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราเสียก่อนทำการห่อผล (ในบ้านเราจะนิยมห่อผลด้วยถุงพลาสติกหูหิ้ว เจาะหรือกรีดก้นถุงให้เป็นรู) สาม หลังจากปลูกพุทราไต้หวันไปได้ 8 เดือน จะเริ่มออกดอกติดผล ใส่ปุ๋ยคอกเก่าเพื่อบำรุงต้นและใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24 หรือ 13-13-21 เดือนละ 1 ครั้ง และสลับฉีดพ่นปุ๋ยทางใบที่มีโพแทสเซียม (K) สูง เช่น สูตร 0-0-50 เพื่อบำรุงให้ผลพุทรามีรสชาติหวาน สี่ เมื่อต้นพุทรามีขนาดของต้นใหญ่ขึ้น ให้ใช้ไม้ไผ่มาทำค้างเป็นรูปตัววีหรือทำคอกสี่เหลี่ยมเพื่อจะใช้เชือกมัดกิ่งพุทราให้ทรงต้นเป็นไปตามที่เราต้องการ และสะดวกต่อการดูแลรักษาและเก็บเกี่ยวผลผลิต