จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอภัยโทษ นั้น

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า นับแต่เกิดประเด็น ยังไม่มีการชี้แจงใดๆ ที่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร ตั้งกรรมการอิสระแล้วคงต้องติดตามเพราะกรรมการทุกชุดที่ตั้งไม่เคยมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมเช่นคดีบอส
ประเด็นใหญ่ๆ ที่ต้องดูคือ

1.ในกฎหมายและระเบียบราชทัณณ์ไม่มีการพูดถึงประเภทการทำความผิด มีเพียงคำว่านักโทษเด็ดขาด ที่จะนำมากำหนดแนวทางในการลดโทษ ข้อนี้สำคัญมากด้วยเพราะนักโทษทุจริตคอรัปชั่นแผ่นดินค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์และฆาตกรต่อเนื่องควรกำหนดแนวทางแยกชัดเจนไม่ใช่เหมารวมกับคำว่านักโทษเด็ดขาด

2.มีการแก้กฎหมายราชทัณฑ์ในปี 2560 โดย สนช. ทราบว่ามีประเด็นที่ต้องการให้กำหนดกรอบแต่สุดท้ายก็เป็นเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นคือกรรมการราชทัณฑ์ถูกปรับเปลี่ยนจากคนในเท่านั้น ให้กลายเป็นกรรมการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน และยังกำหนดบทบาทที่น่าจะแก้ปัญหาได้ น่าสนใจว่ากรรมการชุดนี้เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ เสนอแนะอะไรไปบ้างตั้งแต่มีการแก้กฎหมาย

3.ในครั้งนี้เสนอปรับแก้กฎกระทรวงในวันที่ 3 ธ.ค.2564 ปรับมาตรการการลดโทษ มีการเขียนชัดเจนว่าวัตถุประสงค์คือเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ และเป็นการให้โอกาสนักโทษเด็ดขาดที่กระทำความผิดซ้ำ นักโทษเด็ดขาดชั้นกลางที่มีความประพฤติดี

4.เกณฑ์การลดโทษกำหนดในลักษณะที่ต้องมีการกระทำสิ่งดี และห้ามกระทำสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งระดับบนคงไม่สามารถลงในรายละเอียดได้หมด

สี่ประเด็นนี้แหละที่ต้องมีการชี้แจง กรรมการราชทัณฑ์ได้ร่วมประชุมพิจารณาอย่างไรในการเสนอเปลี่ยนเกณฑ์ สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือผู้บัญชาการเรือนจำต่างๆ คือผู้เสนอรายชื่อซึ่งเป็นเรื่องภายใน มีการตรวจสอบอย่างไร
มนุษย์นี่แหละที่เต็มไปด้วยกิเลส หากคนทั่วไปนิยมชมชอบพฤติกรรมแสวงประโยชน์ มีความสุขกับการบำรุงบำเรอเลี้ยงดูปูเสื่อก็จะเกรงใจที่จะตรวจสอบ
หลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญคือ
ความยุติธรรม
ความเท่าเทียม
สิทธิเท่าเทียม
ความเป็นมนุษย์
ได้รับการดูแลด้วยคุณภาพและมาตรฐาน
ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะตื่นรู้ว่าประชาธิปไตยที่พูดกันทั่วไปมีสิ่งเหล่านี้อยู่จริงไหม คนรวย คนมีอำนาจยังคนได้ประโยชน์เหนือคนทั่วไป