เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้พ้นหน้าที่ เนื่องจากขาดคุณบัติว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำเรื่องส่งมาที่รัฐบาล เพื่อขอให้ออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อที่ กกต.จะได้ไปกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งมีกำหนดนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 ธ.ค. เพราะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ครบกรอบ 45 วัน ประมาณวันที่ 4 ก.พ. 2565

เมื่อถามว่ากรณีนายสิระ หน่วยงานหรือองค์ใดต้องรับผิดชอบ หรือเป็นความผิดส่วนบุคคล นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ยังไม่เคยเจอกรณีอย่างนี้ เพราะคุณสมบัติตามมาตรา 98(10) เป็นการห้ามตลอดไปโดยใช้คำว่า ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นความผิด ตามที่กฎหมายกำหนด และมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ทำการโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา หากครั้งหนึ่งเคยทำจะถือว่า เคยตลอดไป หากรัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้แบบนี้ ฉะนั้นการพ้นจากตำแหน่งพ้นแน่นอน ซึ่งศาลได้แยกไว้ชัดเจน และขั้นตอนต่อไปนายสิระต้องรับผิด ในการชดใช้คืน ส่วนใครจะเกี่ยวข้องในการรับผิดนั้น ต้องไปดูที่เจตนา และความรู้หรือไม่รู้ นายสิระอาจรู้หรือไม่รู้ก็ได้ ว่าตัวเองผิด แต่การจ่ายคืนต้องชดใช้อยู่แล้ว

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กกต.ในฐานะผู้รับสมัครตรวจดูแล้วแต่ไม่เห็น ซึ่งโอกาสเป็นไปได้ ฉะนั้นแปลว่าเจตนาไม่มี ส่วนนายทะเบียนพรรค พปชร. ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วนายทะเบียนต้องรับผิดเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่านายทะเบียนรู้หรือไม่รู้ ระมัดระวังหรือไม่ระมัดระวังขนาดไหน แต่กรณีนายสิระ ไม่สามารถอุทธรณ์ได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจบแล้ว

“โดยธรรมชาติแล้ว เรื่องแบบนี้เจ้าตัวต้องเซ็นรับรองคุณสมบัติตัวเอง เหมือนกับบุคคลที่จะมาเป็นครม. ในชั้นตรวจสอบคุณสมบัติที่เจ้าตัวต้องรับรองคุณสมบัติตนเอง เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบจะรู้ได้จากการถาม ถ้าไม่รู้คือไม่รู้ แต่เจ้าตัวจะรู้อย่างเต็มอก” นายวิษณุ กล่าว.