สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ว่า องค์คณะตุลาการศาลฎีกาของสหรัฐมีมติ เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ห้ามรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้มาตรการบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 และการตรวจคัดกรองเข้มงวด กับสถานประกอบกิจการเอกชน ซึ่งมีพนักงานตั้งแต่ 100 คน “เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดี”


แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนกรานว่า เป็นการใช้อำนาจของผู้นำสหรัฐ ตามกฎหมายความปลอดภัยด้านอาชีพและสุขภาพ ที่สภาคองเกรสบัญญัติ เมื่อปี 2513 แต่คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดมีคำวินิจฉัย ตามคำร้องของทางการรัฐโอไฮโอ ร่วมกับสหพันธ์ธุรกิจแห่งชาติ ( เอ็นเอฟไอบี ) ว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ได้ให้อำนาจรัฐบาลกลางกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม “ในระดับที่มากเกินไปจนกลายเป็นการบังคับ”


อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาของสหรัฐมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง เห็นชอบมาตรการของรัฐบาลกลาง ในการให้บุคลากรด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ประจำสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในระบบประกันสุขภาพของรัฐ คือ เมดิแคร์ และเมดิเคด ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้

ด้านนางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันยอมรับคำตัดสินของศาลสูงสุด โดยมีความยินดีที่ฝ่ายตุลาการเห็นด้วยกับมาตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับบุคลากรในภาคสาธารณสุข ส่วนการดำเนินการกับสถานประกอบการนั้น ภาครัฐ “ขอความร่วมมือ” จากสถานประกอบกิจการ ให้ปฏิบัติต่อไป.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES