นับตั้งแต่ประธานาธิบดีปูตินประกาศสงครามกับยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ก็มีบริษัทระดับนานาชาติราว 330 แห่ง ที่ถอนตัวออกจากการทำธุรกิจในรัสเซีย (ข้อมูลถึงวันที่ 10 มี.ค.) ตามรายชื่อที่รวบรวมไว้โดยศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ ซอนเนนเฟลด์ แห่งมหาวิทยาลัยเยล และทีมวิจัยของเขา 

กระนั้นก็ยังเหลืออีกเกือบ 40 บริษัท ที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ในรัสเซีย ทั้งที่เริ่มมีแรงกดดันจากกระแส ‘บอยคอตรัสเซีย’ มากขึ้น

ในกลุ่มของบริษัทที่ยังคงปักหลักในรัสเซียตอนนี้ มีหลายชื่อที่คุ้นเคย เช่น แฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟูด ‘ซับเวย์’ และบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ‘มอนเดลีซ’ ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคแบรนด์ต่าง ๆ มากมายอย่าง ‘โอรีโอ’, ‘ริตช์’, ‘ฮอลส์’, ‘คราฟต์’, ‘นาบิสโก’, ‘ไทรเดนต์’ และ ‘ทอบเบอโรน’ โดยรายได้ 3.5% ของบริษัทหรือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากธุรกิจในรัสเซีย

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเครือข่ายโรงแรมใหญ่อย่าง ‘แมร์ริออตต์’, ธุรกิจขายตรง ‘แอมเวย์’, โรงงานผลิตยางรถยนต์ของ ‘บริดจสโตน’ และ ‘พิเรลลี’, กลุ่มบริษัททางการเงิน ‘ซิตี’, บริษัทเอเยนซี ‘บีบีดีโอกรุ๊ป’, ‘ลีโอเบอร์เน็ตต์’ และ ‘เดนท์สึ อินเตอร์เนชันแนล’ รวมถึงแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีอย่าง ‘เฟอร์รากาโม’ ที่ยังคงเปิดดำเนินการในรัสเซีย

ส่วนบริษัทยาและเครื่องสำอางที่ยังคงทำธุรกิจในรัสเซีย ได้แก่ ‘โคตี’ และ บริษัทยา ‘แอบบ์วี’ ขณะที่บริษัทคอมพิวเตอร์อย่าง ‘ซิทริกซ์’ ก็ยังไม่ได้ถอนตัวออกไป

ทางด้าน ‘ดังกิ้นโดนัท’ ซึ่งแต่เดิมยังมีชื่ออยู่ในกลุ่มบริษัที่ยังคงธุรกิจของตัวเองในรัสเซียไว้นั้น ล่าสุดก็ขึ้นสถานะว่าจะระงับการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรัสเซียเอาไว้ก่อน 

แหล่งข่าว : Yahoo! Finance, Yale School of Management

เครดิตภาพ : Getty Images