เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยธ. พร้อม พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธานกรรมการผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความในฐานะตัวแทนครอบครัวผู้ตาย ร่วมแถลงผลการผ่าร่างดาราสาว แตงโม-ภัทรนิดา พัชรวีระพงษ์ ครั้งที่ 2 ภายหลังครอบครัวผู้ตายต้องการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพื่อให้คลายข้อสงสัย 11 ประเด็น

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 11 ข้อ ที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ทำผ่านทนายความมา ครบทั้งหมด แต่มีบางประเด็นเกี่ยวกับการผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 2 ที่ไม่สามารถตอบคำถามได้ บางเรื่องเป็นความรับผิดชอบของตำรวจ บางเรื่องเป็นเรื่องที่นิติวิทยาศาสตร์ ผ่าพิสูจน์รอบแรกไปแล้ว ก็ได้ให้กรรมการในรอบ 2 ฟังขั้นตอนต่างๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อย ซึ่งครั้งนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะสภาพศพที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ สำหรับข้อเรียกร้องได้แก่

1.ศีรษะ จากการผ่าพิสูจน์รอบแรกกับรอบสอง ไม่พบบาดแผลใด
2.สภาพใบหน้าของศพเปลี่ยนจากครั้งแรกที่พบศพ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย ศพอาจเน่าเปื่อย
3.ลำคอมีภาพว่าสวมสร้อยแต่สร้อยคอยังคงหย่อน พอเวลาผ่านไปร่างกายก็บวมจนเป็นที่สังเกต ไม่พบว่ามีการรัดคอ
4.รอยไหม้
5.แผลที่ขาผลการตรวจสอบแตกต่างจากครั้งแรก พบบาดแผล 22 บาดแผล
6.เล็บมือ พบว่ามีการตัดไปตรวจครั้งแรกและตัดซ้ำครั้งเพื่อตรวจสอบว่ามีการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายหรือไม่
7.แผ่นหลัง ไม่พบบาดแผล
8.หลอดลม
9.อวัยวะเพศ ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจแล้ว
10.เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบสอง ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท
11.โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่น ฟัน ยังครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากใช้ระบบซีทีสแกนตรวจสอบ

“ส่วนรายละเอียดอื่นเป็นเรื่องของตำรวจดำเนินการ อย่างไรก็ตาม สภาพศพรอบแรกยังไม่มีการฉีดฟอร์มาลิน แต่รอบสองฉีดแล้ว ทำให้บางอย่างตรวจได้ บางอย่างไม่สามารถยืนยันได้ ทำให้เกิดความแตกต่าง 4-5 ประเด็น” เลขาฯ รมว.ยธ. กล่าวและย้ำว่า เรื่องบาดแผลหากจะทราบว่าเกิดจากสิ่งใดไม่อยู่ในหน้าที่ที่สถาบันฯ จะเข้าไปทำ เราถือเป็นจิ๊กซอว์ที่เอาไปต่อภาพ แต่ภาพที่ถูกสงสัยว่าบาดแผลมีการฉีกขาดของกระดูกหรือไม่ เราตรวจแล้วก็ไม่พบ แต่สามารถบอกได้ว่าแผลเกิดก่อนหรือหลัง ซึ่งมีในรายงานชี้แจงไปแล้ว ศพรอบแรกในการนำขึ้นมานั้นตัวแตงโมขาว แต่เมื่อนำไปแช่ฟอร์มาลินก็ทำให้ร่องรอยชัดขึ้น ดังนั้นแผลฉีกขาดก็ไม่ใช่แผลฉีกขาดเลย ผลวันนี้แคบลงมามากแล้ว” เลขานุการ รมว.ยธ.กล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า การผ่าพิสูจน์รอบ 2 ถือเป็นประโยชน์ แต่มีข้อจำกัดเรื่องสภาพศพที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อมูลจะถือเป็นความลับ และได้มอบผลชันสูตรให้ทนายเดชาแล้ว เหตุที่ผลตรวจล่าช้า เพราะต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการ 15 วัน ส่วนการขอผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 3 กฎหมายไม่ห้าม แต่หากจะตรวจซ้ำเพิ่มเติมอีกครั้งคือ ทำแล้วต้องเป็นประโยชน์

ด้านนายวรวีร์ กล่าวว่า ในการตรวจสอบครั้งแรกถือว่ามีมาตรฐานที่ถือว่าทำให้ตอบคำถามเกือบทั้งหมด ในรอบสองเพียงเป็นการย้ำว่าข้อสงสัยในข้อแรกนั้นใช่หรือไม่ใช่ สำหรับบาดแผลที่ขา ยังตอบไม่ได้ว่าเกิดอย่างไร โดยตำรวจจะไปจำลองการเกิดบาดแผลกับวัตถุต่างๆ อาจจะเป็นใบพัดเรือ เพื่อเปรียบเทียบกับบาดแผล ส่วนการตรวจสอบเรื่องแอลกอฮอล์นั้น ปกติแล้วหากตายร่างกายจะไม่ขับ เพราะแอลกอฮอล์จะถูกขับจากลมหายใจ ดังนั้นการตรวจสอบจากศพจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สำหรับยูเรียถือเป็นองค์ประกอบในปัสสาวะ หากมีน้ำปัสสาวะในแผ่นอนามัยก็จะตรวจเจอ แต่ตรวจไม่พบ และแผ่นดังกล่าวแช่น้ำ ยูเรียจึงอาจจะถูกชะล้างไป

นายเดชา กล่าวว่า ตนจะนำผลชันสูตรของนิติวิทยาศาสตร์เอาไปหารือกับตำรวจว่า จะเป็นประโยชน์ในการแจ้งข้อหาใครเพิ่มหรือไม่ว่า การกระทำเกิดจากเจตนาหรือความประมาท และผลชันสูตรแตกต่างจากการตรวจสอบครั้งแรกหรือไม่ จากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับบาดแผล 22 จุด จะต้องปรึกษากับแพทย์ด้านออโธปิดิกส์อีกครั้ง

“การตรวจของนิติเวช รพ.ตำรวจ ถือว่ามีมาตรฐานสากล ทุกอย่างเรียบร้อย แต่เรื่องบาดแผลอาจจะเรียกว่าเป็นสิ่งใหม่ ถือว่ามีประโยชน์ อาจแจ้งข้อหาเพิ่มได้แต่ต้องดูให้ละเอียด เพราะสภาพศพถือเป็นพยาน ต้องไปดูว่ามีร่องรอยการทำร้ายหรือไม่ หากมีก็ต้องเทียบกับพยานแวดล้อม จีพีเอส เพื่อประกอบการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเจตนาฆ่า ลำพังบาดแผลยังไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากเจตนาหรือไม่ ทั้งนี้คาดว่าคงไม่มีการผ่าพิสูจน์ซ้ำรอยที่ 3 ตั้งแต่ตนเป็นทนายความมา มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่คดีนี้คงพอแล้ว” นายเดชา กล่าว

นายเดชา กล่าวอีกว่า คาดว่าเร็วๆ ตำรวจจะแจ้งข้อหาคนบนเรือเพิ่ม ในข้อหา ทำลายพยานหลักฐาน หมิ่นประมาท และแจ้งความเท็จ ซึ่งคนที่ถูกแจ้งข้อหาคงไม่ใช่คนเก่า ทั้งนี้ส่วนตัวยังเป็นทนายในคดีนี้ต่อ ไม่กังวลว่าจะถูกปลดเพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ 100 เปอร์เซ็นต์