สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ว่านางโนลีน เฮย์เซอร์ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการเมียนมา ของนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าพบ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ที่ทำเนียบในกรุงเนปิดอว์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยนับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่รัฐบาลทหารเมียนมาอนุญาตให้ทูตพิเศษยูเอ็นเดินทางเข้าประเทศ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของยูเอ็นซึ่งเผยแพร่ในเวลาต่อมา ระบุว่า เฮย์เซอร์แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในเมียนมา หลังการรัฐประหาร โดยมีการเสนอแนวทางอย่างเป็นรูปธรรมและจริงจัง เพื่อบรรเทาความรุนแรงของการสู้รบ และความทุกข์ยากของประชาชนด้วย และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด รวมถึงนางออง ซาน ซูจี อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือน ซึ่งเฮย์เซอร์กล่าวว่า ซูจีถือเป็น “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคนสำคัญ” ของกระบวนการสันติภาพเมียนมา พร้อมทั้งเน้นว่า การมาเยือนครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึง การที่ยูเอ็น “ยอมรับความชอบธรรม” ของรัฐบาลทหารเมียนมา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จอ มิน ตุน รมช.ข่าวสารและโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา แถลงหลังจากนั้น ว่ารัฐบาลทหารเมียนมาไม่มีนโยบายอนุญาตให้ “บุคคลใดก็ตาม” พบปะแบบตัวต่อตัว กับผู้ต้องหาซึ่งกระทำความผิดร้ายแรงตามกฎหมายอาญา โดยศาลในกรุงเนปิดอว์เพิ่งมีคำพิพากษาเพิ่มเติม เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ให้ซูจีรับโทษจำคุกเพิ่มอีก 6 ปี ฐานคอร์รัปชั่น ทำให้ตอนนี้เธอมีบทลงโทษจำคุกสะสมเป็นอย่างน้อย 17 ปีแล้ว
ขณะเดียวกัน พล.ต.จอ มิน ตุน วิจารณ์การที่รัฐบาลทหารเมียนมา ยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุมทุกระดับของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่าตราบใดที่ไม่มีสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมครบทั้ง 10 ประเทศ การพบหารือนั้น ไม่สมควรเรียกว่า การประชุมอาเซียน และแสดง “ความผิดหวัง” ต่อการที่อาเซียนละเมิดหนึ่งในหลักการพื้นฐานสำคัญ ว่าด้วยการไม่แทรกแซงซึ่งกันและกัน แต่มองว่า เป็นผลของ “แรงกดดันจากภายนอก” แต่ปฏิเสธขยายความ ว่าหมายถึงอะไร.
เครดิตภาพ : REUTERS