ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้ว!!! สำหรับบรรดาผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ หลังคณะกรรมการไตรภาคี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 337 บาท หรือปรับขึ้นมาประมาณ 5.02% มีผลวันที่ 1 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป
เป็นหนี้ก็ต้องใช้…ยืมเงินก็ต้องคืน ถือเป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ ที่สำคัญหากเป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับ “คนอื่น” เป็นจำนวนมาก ก็ยิ่งต้องตระหนักให้มากเข้าไปอีก!!!
ระหว่างที่ชาวไทยต่างร้องระงมเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อดูแล “ต้นทุน” ความเป็นอยู่ หลังจากต้องเผชิญปัญหาราคาข้าวของที่แพงแสนแพง ปรากฏว่า…อยู่ๆ รัฐบาลก็ทำคลอดมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 5” ออกมาซะอย่างนั้น!!
ปัจจุบันครูทั่วประเทศ มีหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท ปัญหาใหญ่ที่ตามมาคงหนีไม่พ้น “ดอกเบี้ย” ที่ปรับเพิ่มขึ้น…อย่าลืมว่าทุกวันนี้ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ยกเว้นเงินในกระเป๋า ดังนั้นต่อให้มีโครงการช่วยเหลือแต่ย่อมต้องมี “ความเสี่ยง” เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน…
ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น!! ต่อให้เพย์เซฟกันเต็มที่ แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน…
“กัญชาเสรี” ยังเป็นข้อห่วงใยในสังคมไทยยังต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่องกำกับดูแล อีกทั้งยังถูกตั้งคำถามถึงปลายทางของผลประโยชน์ที่แท้จริงว่า สุดท้ายแล้วผลประโยชน์มหาศาลเหล่านั้นตกอยู่ที่ “เกษตรกรตัวจริง” หรือไม่?
คนไทยทั้งประเทศเตรียมใจไว้รอรับยุค”ดอกเบี้ยแพง”ไว้ได้เลย เพราะบรรดากูรูต่างฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่าในวันที่ 10 ส.ค.นี้ กนง.จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แน่นอนว่าถ้าจีดีพีของประเทศไม่เขยิบความฝันของคนอยากมีบ้านก็ต้องดับสลายไปเช่นกัน…
การเป็นหนี้มันเหนื่อย ใครที่เป็นหนี้ ทั้งผ่อนบ้าน-รถ ในเวลานี้คงต้อง “กุมขมับ” เพราะจากนี้ไป “อัตราดอกเบี้ย” มีแนวโน้มสูงขึ้น…
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ แม้จะมีข้อดีในหลายเรื่องแต่ก็ยังมีปัญหากวนใจตามมา ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่า เพียงแค่ “แอพล่ม” แล้วเงินที่มีอยู่จะล่องหนหายไปหรือไม่?…
เฮกันถ้วนหน้า!! กับบรรดาเศรษฐีที่ดินทั้งหลาย หลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้จดปากกา ให้เลื่อนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีนี้ ออกไปก่อนอีก 3 เดือน…
“ภาษีลาภลอย” (Windfall Tax) กลายมาเป็นที่คุ้นหูกันอีกครั้ง หลังจากผู้นำ “พรรคกล้า” ได้ออกมาสอนมวยทีมเศรษฐกิจของ”ลุงตู่” เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง
ผลตอบรับของ “สลากดิจิทัล” ครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่สำนักงานสลากฯจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่า สลากราคา 80 บาทนั้นมีอยู่จริง หาซื้อได้จริง ขณะเดียวกันก็ยังทำให้จุดขายสลาก 80 บาท อำเภอละจุด นั้นขายดีตามไปด้วย!
ในที่สุด…ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ก็ “ผ่านฉลุย” หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบไปแล้วใน “วาระแรก” ด้วยคะแนน 278 เสียง ต่อ 192 เสียง
ทุกวันนี้ความทุกข์ยากของประชาชนคนไทย นอกเหนือไปจากต้องเผชิญกับยุคข้าวยากหมากแพงแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทนทุกข์มานาน…แสนนาน ก็คือการต้องมานั่งทนซื้อ “หวยแพง” ทุกงวด ทุกเดือน
เวลานี้ยังไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์ราคาน้ำมันต่อจากนี้ได้ ว่าจะลดลงหรือจะทะยานไปจนถึงจุดไหน?กันแน่ นั่นก็หมายความว่า…ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยังต้องตั้งหน้าแบกรับภาระการใช้ชีวิตที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
