โดยที่บางรายที่ “หัวร้อนง่าย” ก็ทำให้ตนเองต้อง “มีคดี” ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย หรือหนักหนาสาหัสถึงขั้นฆาตกรรม อยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย โดยที่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำไป!! และก็น่าคิดไม่น้อยว่าทำไมภาพคนหัวร้อนในสังคมไทยมักจะปรากฏตามท้องถนน?…แม้จะไม่เกี่ยวกับรถติด? …อนึ่ง กับการ “ขึ้นง่ายหัวร้อนง่าย” นั้น นอกจากจะเกี่ยวกับ “ความรุนแรง-ผลจากการใช้ความรุนแรง” โดยตรงแล้วในอีกส่วนหนึ่งก็ยัง “มีอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด!!” อีกด้วย!!…

เป็น “บ่อเกิด” ของ “โรคต่าง ๆ” ได้!!

เสี่ยงอันตราย “มีผลต่อภาวะสุขภาพ”

“พิษหัวร้อน” แบบนี้ยังไง? ลองมาดู…

เกี่ยวกับข้อมูลเรื่องนี้ ทาง ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้สะท้อนถึง “ผลกระทบสุขภาพ” กรณีคนที่ “อารมณ์ขึ้นง่าย-โกรธง่ายเกินไป” ผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า… นอกจากจะส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ ทำให้ “ชีวิตมีแต่พลังเชิงลบท่วมท้น” แล้ว ภาวะเช่นนี้ยังอาจจะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ “ส่งผลกระทบต่อร่างกาย” ได้ด้วยเช่นกัน อาจเป็นสาเหตุและปัจจัยสำคัญ…

“นำสู่ความเสี่ยงเกิดโรคต่าง ๆ ได้มาก”

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ได้ขยายความ “อารมณ์โมโหร้าย” ที่สามารถ “นำไปสู่ปัญหาสุขภาพ” โดยระบุว่า… ภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของมนุษย์ทุกคนนั้น ล้วนมีที่มาจากพื้นฐานทางร่างกาย และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ร่างกายได้ผลิตขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาเรามักจะมุ่งแต่การเน้นพัฒนาทางด้านไอคิว เพื่อที่จะกลายเป็นคนเก่ง แต่กลับละเลยหรือมองข้ามในเรื่องของการพัฒนา “อารมณ์และความคิดอย่างมีเหตุผล” ส่งผลทำให้ผู้คนยุคปัจจุบัน…

มักจะ “มีภาวะทางอารมณ์ที่ย่ำแย่!!”…

หลายคน “ย่ำแย่ทักษะมนุษยสัมพันธ์”

“ผลการศึกษาในต่างประเทศหลาย ๆ ชิ้น ค้นพบว่า…สาเหตุที่ผู้คนมีพฤติกรรมแย่ ๆ เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากอารมณ์ที่ไม่ได้รับการพัฒนา หรือไม่ได้รับการพัฒนาทางด้านอีคิว ทำให้คนยุคนี้ไม่หนักแน่นพอ เมื่อมีอารมณ์โมโหหรือโกรธก็มักจะไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ได้ จนเกิดกรณีคนหัวร้อนเกลื่อนกลาดอย่างที่เห็นเวลานี้”

ดร.วัลลภ อธิบายเพิ่มเติมเรื่องนี้อีกว่า… ยิ่งวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเติบโตและใช้ชีวิตอยู่แต่ใน “สภาพแวดล้อมที่เร่งรีบ” รวมถึงหลายคนอาจต้องอยู่ท่ามกลาง “สังคมบูลลี่” ที่ผู้คนในสังคมนั้นมักจะชอบดูถูก เหยียดปมด้อยกัน เมื่อมาผสมกับการที่ไม่ได้รับการพัฒนาทางด้านอีคิวอย่างเพียงพอ เมื่อต้องเจอกับตัวกระตุ้นบ่อย ๆ นาน ๆ เข้าก็เลยกลายเป็นคนที่ “ขึ้นง่ายหัวร้อนง่าย” ซึ่งถ้าปล่อยให้ “อารมณ์โกรธเกิดง่าย” เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ แล้ว…

ก็จะ “เสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคซึมเศร้า!!”

“เสี่ยงทำให้สุขภาพเสีย” เพราะหัวร้อน

และเกี่ยวกับ “ผลเสียสุขภาพจากอารมณ์โกรธง่าย” นี้ ดร.วัลลภ แจกแจงต่อไปว่า… เมื่อคนเราโมโหหรือโกรธขึ้นมา ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนกลุ่มที่เกี่ยวกับความเครียดออกมา ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ ฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งฮอร์โมนหรือสารที่ร่างกายหลั่งออกมาตอนที่มีอารมณ์โกรธหรือมีความเครียด ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือน ไฟ ที่ค่อย ๆ เผาผลาญ ซึ่งหากเกิดบ่อย ๆ หรือปล่อยให้เกิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะเป็น “อันตราย” ทั้งกับสุขภาพใจ-สุขภาพกาย โดยอันตรายทางจิตใจ เบาะ ๆ ก็อาจทำให้คน ๆ นั้นกลายเป็นคน ขี้วิตกกังวล

อาจเกิด “โรคเครียด-โรคย้ำคิดย้ำทำ”

“บางคนเมื่อโกรธแล้วก็จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนทำให้สามารถทำอะไรแย่ ๆ โดยไม่ได้ยั้งคิด แต่พออารมณ์ลงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็มักจะเกิดความรู้สึกผิดต่อตัวเองและต่อผู้อื่นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากไม่เร่งแก้ไข นานวันไปก็จะกลายเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำ และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า” …นี่เป็น “ผลกระทบสุขภาพจิต” ที่ ดร.วัลลภ อธิบายไว้

ขณะที่ “ผลกระทบสุขภาพกาย” จากอารมณ์โกรธ “นิสัยหัวร้อน” นั้น ในส่วนนี้ ดร.วัลลภ ระบุว่า… ความโกรธเป็นเสมือนไฟที่ทำร้ายร่างกาย โดยคนที่มีนิสัยขี้โมโห โมโหร้าย หรือโมโหง่ายนั้น มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การที่ระบบในร่างกายมีปัญหา” ได้เกือบจะทั้งหมด!! รวมถึงในเรื่องของ ความเสี่ยงต่อหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะ กระตุ้นให้ระบบทำงานผิดปกติ หรือ กระตุ้นให้ร่างกายทำงานหนักเกินไป อาทิ เมื่อโกรธ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันสมอง คนที่ “หัวร้อนง่าย” จะเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดสมองแตกในระดับความเสี่ยงที่มากกว่าคนที่อารมณ์ปกติ…

“หัวร้อนง่ายเกิ๊น!!” ผลนี่มีทั้ง ซวยเลย”

ที่ยังไม่ซวยก็ เสี่ยงซวยภายหลังสูง”

พิษภัยมีทั้ง คดี-จิตเดี้ยง-กายดับ!!” .