โปสเตอร์บรรยายถึงเขตกันชน 1-2 กม. ระบุว่า ใครก็ตามที่ล่วงล้ำเข้ามาในประเทศเกาหลีเหนือโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องถูกยิงโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ รวมถึงผู้ที่ล่วงล้ำเข้ามาจากประเทศอื่น โดยข้ามแม่น้ำยาลู่ และทูมันเข้ามา จะต้องถูกยิงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เจ้าหน้าที่สอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 23 ส.ค. เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลเกี่ยวข้อกล่าวหาคำสั่งดังกล่าว และยังขอให้ทางเกาหลีเหนือยืนยันว่า เป็นจริงตามรายงานว่ามีบทลงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้กระทำผิด ด้วยการแจกจ่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมเกาหลีใต้หรือเนื้อหาลามกอนาจาร ตามกฎหมายที่ประกาศใช้เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว

เว็บไซต์ข่าวยังได้ตีพิมพ์ภาพเอกสารรายละเอียดของข้อกฎหมายดังกล่าว อ้างว่าเพื่อขัดขวางแนวคิดฝ่ายขวาและวัฒนธรรม โดยกฎหมายได้บัญญัติบทลงโทษประหารชีวิต สำหรับผู้กระทำผิดด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเนื้อหาวัฒนธรรมจากฝั่งเกาหลีใต้และชาติปรปักษ์ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น รวมถึงสื่อเนื้อหาลามกอนาจารด้วย

จดหมายของเจ้าหน้าที่สอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมีขึ้นหลายสัปดาห์ หลังจากที่นักเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ชื่อกลุ่มทำงานยุติธรรมโปร่งใส ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ได้ขอให้สหประชาชาติกดดันเกาหลีเหนือ เรื่องการเคลื่อนไหวดังกล่าวโดยระบุว่า เป็นกังวลเรื่องนโยบายยิงได้ ถ้าพบเห็นบุคคลที่ลอบเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ในเขตกันชนทางตอนเหนือของประเทศ รวมถึงโทษประหารชีวิต โดยจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

การกระทำที่ดูเหมือนว่า จะต้องได้รับหลักประกันตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเสรีภาพของการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น และสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตทางวัฒนธรรม ขอให้เกาหลีเหนือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับตัวเลขผู้ถูกลงโทษประหารชีวิต ตามกฎหมายวัฒนธรรมฝ่ายขวา

จดหมายลงนามโดยโทมัส ควินทานา เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติด้านเกาหลีเหนือ มอร์ริส ทิดบอล-บินซ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษนอกกระบวนการยุติธรรม การประหารชีวิตโดยพลการและเบ็ดเสร็จ ไอรีน ข่าน เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษด้านการส่งเสริม และปกป้องสิทธิการแสดงออกความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือไม่เคยออกมายอมรับเรื่องคำสั่งยิงได้เมื่อเห็น หรือโทษประหารชีวิตสำหรับผู้บริโภคเนื้อหาวัฒนธรรมทุนนิยม จึงยังไม่แน่ชัดว่า เกาหลีเหนือจะตอบหนังสือชี้แจงของสหประชาชาติหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษของสหประชาชาติบอกว่า ถ้าได้รับคำตอบก็จะเผยแพร่คำชี้แจงของเกาหลีเหนือ

พล.อ.โรเบิร์ต อับรามส์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ ก่อนที่จะเกษียนอายุในปีนี้ เคยแจ้งในที่ประชุมเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ว่าเกาหลีเหนือได้นำทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษประจำอยู่ตามแนวชายแดนด้านประเทศจีน เพื่อป้องกันพวกลักลอบ ด้วยคำสั่งยิงได้ทันที เพื่อป้องกันไวรัสไม่ให้ระบาดเข้ามาในประเทศ และต่อมาทหารเกาหลีเหนือได้ยิง และสังหารเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้คนหนึ่ง ซึ่งพบศพอยู่ในแพทำเอง ลอยอยู่ในทะเลใกล้กับพรมแดนของสองประเทศ

เกาหลีเหนือบอกว่า ทหารได้เผาแพนั้นทิ้ง เพื่อป้องกันไวรัสตามมาตรการป้องกัน สำหรับพรมแดนด้านที่ติดกับจีนนั้นถือว่าเป็นจุดสำหรับการลักลอบขนสินค้า และยังไม่แน่ชัดว่า คำสั่งยิงได้ทันทีนั้นมีผลกับพื้นที่เขตดีเอ็มแซด เขตปลอดอาวุธกั้นพรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้

กระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งดูแลเรื่องกิจการกับเกาหลีเหนือ บอกว่า ยังไม่สามารถยืนยันรายงานเกี่ยวกับการควบคุมพื้นที่พรมแดนเกาหลีเหนือ และโทษประหารชีวิต

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้ปิดพรมแดนในทุกช่องทางเดินทางเข้าออกประเทศ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของระบาดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ห้ามนักท่องเที่ยวเข้า และเชิญนักการทูตกลับประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติที่มีสิทธิถูกต้องตามกฎหมายก็เชิญออกนอกประเทศก่อน โดยหวังว่าการปิดประเทศจะช่วยป้องกันไวรัสได้ และอ้างว่าไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อแม้แต่รายเดียว ท่ามกลางความสงสัยของอีกหลายฝ่าย แถมยังไม่ยอมรับวัคซีนช่วยเหลือจากต่างประเทศอีกด้วย เพราะเกาหลีเหนือมีมาตรการควบคุมโรค “แบบของตัวเอง”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP