อุณหภูมิการเมือง!! เวลานี้ กำลังร้อนแรงสุด ๆ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จะไปตกอยู่ที่ใคร? กันแน่ จะเป็นเสี่ยนิด- เศรษฐา ทวีสิน หรือ อุ๊งอิ๊ง- แพทองธาร ชินวัตร หรือเป็นพี่ใหญ่ บิ๊กป้อม- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็ต้องรอ “ผู้เล่น” ในการวางหมาก วางเกม แก้เกม โดยเฉพาะด่านแรกในการเลือกนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 ในวันที่ 22 ส.ค.นี้

ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โฉมหน้ารัฐบาล โฉมหน้าคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่ ที่ออกมา เชื่อเถอะ จนถึงขณะนี้อาจเป็นใครก็ได้ แค่ไม่ “ยี้” จนเกินไป ก็น่าจะเป็นที่ยอมรับได้แล้ว

เพราะหากปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลย เลยเถิด จนพ้นไทม์ไลน์ในช่วง ส..-..นี้ไป อาจหนักหนาสาหัสมากกว่า ใคร? เป็นนายกฯ ใคร? เป็นรองนายกฯ หรือ ใคร? เป็นรัฐมนตรี

บรรดาภาคเอกชนเอง ต่างตบเท้าออกมายอมรับอยู่แล้วว่า ใครจะเป็นนายกฯคนใหม่ ก็ยอมรับได้หมด เพราะเป็นมืออาชีพที่สามารถทำงานร่วมกับทุกรัฐบาลได้อยู่แล้ว

เพียงแต่… ทุกวันนี้มันมีหลายปัจจัย ที่กำลังเกิดขึ้น ที่ต้องการ…การจัดการ ต้องการ…การดูแล ต้องการ…การแก้ไข เพื่อให้…ประเทศ เพื่อให้… เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้

Close up and selective focus two hands of beautiful asian young woman farmer holding organic rice

อย่างล่าสุด ปัญหาเรื่อง “ข้าวแพง” กำลังเป็นปัญหาที่ก่อเกิดเข้ามาใหม่ จากปัญหาของเอลนีโญ จนทำให้ผลผลิตข้าวในปีนี้น้อยลง และยิ่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอย่างอินเดีย ใช้นโยบายห้ามส่งออกข้าวเข้าให้อีก

ราคาข้าว” จึงพุ่งทะยาน โดยเวลานี้ข้าวหอมมะลิเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 15,600 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี อยู่ที่ตันละ 13,700 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ปรับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 12,500 บาท ส่วนข้าวเหนียว ก็ทะยานไปแตะที่ตันละ 14,900 บาท

เรียกได้ว่าเป็นราคาที่แพงสุดในประวัติการณ์ก็ว่าได้ แต่ไม่นับรวมช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว ถามว่า? ดีหรือไม่ ตอบได้เลยว่า มีทั้งดีและไม่ดี !!

หากมองในมุมของ “ชาวนา” ก็บอกได้เลยว่าเป็น “ปีทอง” แน่นอน แต่ก็ใช่ว่า ชาวนาทุกคนจะได้รับค่าข้าวในราคานี้ เพราะกระบวนการขายข้าว ย่อมมีหลายท่อน หลายตอน สุดท้าย…จะเหลือสักเท่าใด เมื่อถึงมือราคาชาวนา

Free photo planting on the organic rice farmland

ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงของการหว่าน การปลูก การดำนา ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว จะมีเพียงก็เพียงข้าวนาปรัง ในบางพื้นที่ ในบางจังหวัดเท่านั้น หากถึงในช่วงเวลาเก็บเกี่ยวจริง ๆ แล้วราคาข้าวยังทะยานเช่นนี้อีกหรือไม่?

หรือแม้แต่บรรดาผู้ส่งออก ย่อมต้องขายข้าวได้ในราคาดีอยู่แล้ว และคาดการณ์กันว่าตลอดทั้งปีนี้จะส่งออกข้าวได้ไม่น้อยกว่า 8 ล้านตันแน่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องนำไปเทียบกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนาม ด้วยว่าข้าวไทยแพงแค่ไหน แพงกว่าเพื่อนบ้านก็ขายไม่ได้

หันมาดูผู้บริโภคคนไทย ที่ทานข้าวเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว ก็ต้องเผชิญกับปัญหาราคา “ข้าวสารแพง” ที่แม้ผู้ดูแลอย่างกระทรวงพาณิชย์ จะออกมาเทคแอคชั่น!! ขอความร่วมมือเอกชนทุกขั้นตอนไม่ให้ขึ้นราคาข้าวสารถุง ในเวลานี้ เพราะ…เป็นต้นทุนเดิม จึงไม่สมควรขึ้นราคา

ขณะเดียวกันยังได้ขอความร่วมมือบรรดาห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ให้ช่วยกันจัดโปรโมชั่น ต่อเนื่องกันไปก่อน เพื่อช่วยประคับประคองค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค ที่สำคัญ ยังเป็นข้าวต้นทุนเดิมก็ไม่สมควรที่จะฉวยโอกาสหรือลักไก่เอาเปรียบผู้บริโภคโดยเด็ดขาด

บรรดาภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการข้าวถุง บรรดาโรงสี บรรดาห้างค้าปลีก ต่างตบปากรับคำ ยืนยันยังไม่ขึ้นราคาข้าวถุงในช่วงนี้แน่นอน

แต่เอาเข้าจริง แม้ตามห้างค้าปลีกยังไม่ปรับขึ้นราคาข้าวถุง ยังไม่ลดโปรโมชั่นแถมยังจัดต่อเนื่อง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าบรรดาร้านขายข้าวทั่วไป แบบตักแบบชั่งกิโลขาย ได้ปรับขึ้นราคากันไปแล้วกก.ละ 1-3 บาท แต่ถ้าเป็นข้าวเหนียว ราคาพุ่งกก.ละ 8-10 บาททีเดียว

Free photo cooked rice in a red cup placed on the plywood floor.

ถามว่า… เจ้าหน้าที่จะไปไล่จับได้มั๊ย คำตอบ… ทำไม่ได้ เพราะร้านค้าอ้างเรื่องต้นทุนมาแพง ก็ในเมื่อซื้อมาจากโรงสีแพง ก็ต้องคิดตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

แม้ราคาข้าวของไทย จะอิงอยู่กับราคาในตลาดโลก เป็นหลัก แต่ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการภายในประเทศ ก็จำเป็นต้องมีกระบวนการดูแล แบบวินวิน คือ …สมประโยชน์ในทุกฝ่าย หรือไม่ก็ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้วยเหตุนี้…จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ต้อง “ลงตัว” กันเสียที ก่อนที่…ผลประโยชน์ทางการเมืองจะทำร้ายคนทั้งประเทศ!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”