หลายเหตุการณ์ในเรื่องอุบัติเหตุ ความเป็นความตาย เรามักจะเห็นพี่ๆ อาสากู้ภัยมาช่วยเหลือแทบทุกครั้ง
ไม่ว่าเคสต่างๆ จะหนักหรือเบา พี่ๆ อาสาจากมูลนิธิฯ ต่างๆ จะช่วยคลี่คลายได้ทุกครั้ง
พี่ๆ อาสานั้น ทำด้วยใจอันปรารถนาดี เรื่องนี้ทุกคนก็รู้กันดี
พี่ๆ อาสานับเป็นฮีโร่ ผู้มีจิตใจที่เสียสละอย่างแท้จริง
แต่จะมีใครรู้บ้างว่า เบื้องหลังของพี่ๆ อาสา ไม่ได้มีต้นทุนทางการเงินมาคอยซับพอร์ตตลอด
บางคน บางจุดดูแลต้องควักเงินเอง เพื่อหาทุนมาคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
เช่นเดียวกับเรื่องราวของ นายพินิจ ถาวรศักดิ์ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสบางรัก 23 หนุ่มใหญ่ที่ใช้เวลาว่างหลังจากที่เสร็จสิ้นจากงานประจำมาเป็นอาสาสมัครกู้ภัย แต่หลังจาก โควิด-19 มาและจากไปแล้ว ทำให้งานประจำที่ทำอยู่ได้รับผลกระทบ ทำให้ งานลด โอทีหาย ทำให้รายได้หายไปบางส่วน
“พินิจ” จึงหันมาศึกษา ทำ และขายหมูกรอบ ในวันอาทิตย์ เพื่อนำกำไรที่ได้จากการขายหมูกรอบ มาเติมน้ำมันในการวิ่งช่วยเหลือประชาชนในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ
โดยการขายหมูกรอบ ของ “พินิจ” อาจจะดูแปลกตาจากผู้พบเห็นไปสักหน่อย เนื่องจากได้เปิดร้านขายหมูกรอบ หลังรถกู้ภัย ที่ “พินิจ” เองนั้นใช้ช่วยเหลือประชาชนนั้นแหละ เรียกว่าสับหมูกรอบ กันในรถกู้ภัยกันเลยทีเดียว
ร้านของ “พินิจ” มีชื่อร้านว่า “หมูกรอบอาสา” ซึ่งก็มีเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวกู้ภัย และประชาชน ทั่วไป มาอุดหนุนหมูกรอบตลอด
หากใครพบเห็น “พินิจ” จอดรถกู้ภัยขายหมูกรอบ ก็เข้ามาอุดหนุนกันได้ แถมยังได้บุญอีกเพราะกำไรไปเติมน้ำมันช่วยเหลือคน
“พินิจ” บอกเล่าถึงเหตุผลที่ต้องมาขายหมูกรอบอาสา ว่า ตั้งแต่โควิด-19 มา ทำให้งานประจำที่ตนทำอยู่ โอทีไม่มี อะไรต่างๆ น้อยลง ตนก็เลยไม่มีเงินเติมน้ำมันที่จะออกมาวิ่งอาสา จึงตัดสินใจขายหมูกรอบ เพื่อนำเงินมาเติมน้ำมันไว้วิ่งช่วยเหลือสังคม เพราะว่าตั้งใจอยากจะทอนให้สังคมก่อน จะไม่รอให้สังคมมาทอนให้ตน ปกติจะขายเฉพาะวันอาทิตย์ เพราะตนทำงานประจำ วันไหนจะขายตรงไหนก็จะโพสต์ไปในเพจว่า อาทิตย์นี้ขายที่ไหน อย่างไปขายที่บางรักมา ก็จะมีพี่น้องอาสาเข้ามาช่วยอุดหนุนจนหมดวัน ก็จะนำกำไรที่ขายได้มาเป็นค่าน้ำมันในการวิ่งช่วยเหลือสังคม วันไหนหมดไวตนก็จะไปวิ่งเหตุ อย่างวันไหนตนไปเจอเหตุตนก็จะช่วยคนเจ็บก่อน และจะประสานรถในพื้นที่เข้ามาช่วย ถ้าวันไหนได้กำไรมากหน่อย ก็จะแบ่งเงินมาบูรณะรถด้วยเนื่องจากรถเริ่มเก่าแล้ว สีเริ่มผุ
“วันไหนได้ทิปดีๆ เหลือเงินเยอะๆ ก็จะนำสิ่งของไปแจกให้คนยากไร้ ในใจผมเอง ถ้ามีเงินเหลือเยอะๆ ก็จะทอนให้สังคมได้มากๆ ตั้งแต่ทำอาสามูลนิธิมา ก็ไม่เคยอด ช่วงไหนไม่มี เดี๋ยวก็มี ขายหมูกรอบไม่ได้ เดี๋ยวก็ขายได้ อย่างสมมุติวันนี้ ขายได้แค่ 3 โล พอกลับมาบ้านก็มีคนมาเหมาเลย นี้แหละความดี บอกใครไม่ได้ การช่วยคน ถ้าจะให้เป็นเงิน ผมขอแค่คำว่าขอบคุณ ผมจะอิ่มใจมากกว่า” พินิจ กล่าว
“พินิจ” ยังบอกถึงการเรียนรู้การทำหมูกรอบด้วยว่า ตนเริ่มจากไปเรียนทำหมูกรอบ ตั้งแต่เดือนมีนาคม จากเชฟอั๋น หมูกรอบเทวดา ที่พัทยา แล้วตนก็เริ่มมาขายเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ตั้งแต่นั้นก็ขายมาตลอด และหลังจากนี้ก็จะขายตลอด เพื่อเป็นอาชีพของตัวเองด้วย เพื่อให้มีรายได้ นำมาเติมน้ำมันในการช่วยเหลือสังคม มาทอนให้สังคม
สำหรับตัวของ “พินิจ” เองนั้น มาเป็นอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูได้ 10 ปี แล้ว มาเป็นอาสาตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยเริ่มจากการเป็นอาสาดับเพลิงมาก่อน แล้วมาเป็นอาสาของป่อเต็กตึ๊ง แต่ปีไหนนั้น “พินิจ” จำได้ไม่แม่นแล้ว ก่อนที่จะมาเป็นอาสาของมูลนิธิร่วมกตัญญูในปัจจุบัน
มาถึงตรงนี้ “พินิจ” อยากฝากเพื่อนที่ติดตามเพจ ให้มาช่วยกันอุดหนุน ก็จะนำเงินที่ได้มาช่วยเหลือสังคม ทอนให้กับสังคมต่อไป
เรื่องราวของอาสาน้ำใจงามอย่าง “พินิจ” ถือเป็นต้นแบบแห่งความเสียสละที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง.
…………………………………………………
คอลัมน์ “เรื่องราวดีๆ ของสังคม”
โดย “เสือสมุทร”
ขอบคุณข้อมูล “ศราวุธ คงสินธ์” ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ จ.สมุทรปราการ
อ่านเรื่องราวดีๆ ของสังคม ได้ที่นี่..