วันนี้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กลับจากโรดโชว์หลังประชุมร่วมออสเตรเลีย-อาเซียนเสร็จ ก็บินต่อไปนครปารีส ฝรั่งเศส 1 ในศูนย์กลางแฟชั่นโลก นายกฯ ลงทุนเป็นนายแบบ เอา “ผ้าขาวม้า” ผูกเป็นผ้าพันคอใส่กับสูทสลับเปลี่ยนหลายผืน พร้อมหิ้วกระเป๋ากระจูดสาน มี หน.พรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร โผล่ร่วมเฟรม ใส่สูทผ้าทอกาฬสินธุ์ เดินห้างใหญ่ “ลาฟาแยต” ปลุกกระแส “ซอฟต์พาวเวอร์” แต่ “ผ้าขาวม้า” จะเป็นแฟชั่นโลกได้ คงยังอีกไกล

ตั้งแต่มาเป็นผู้นำ 7 เดือน มีคนรวบรวมนายกฯไทยไปเยือนกว่า 17-20 ประเทศแล้ว เฉลี่ยใช้เวลาประเทศละ 4 วัน เท่ากับนายเศรษฐาอยู่ไทยครึ่ง ไปต่างประเทศครึ่ง ด้านหนึ่งก็จำเป็น เพราะอดีตรัฐบาล 3 ป. ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ รัฐบาลใหม่ต้องนำไทยกลับสู่เรดาร์โลกอีกครั้ง แต่อีกด้านก็ถูกมอง โกอินเตอร์พร่ำเพรื่อ จนไม่มีเวลาอยู่แก้ปัญหาที่แท้จริง แม้แต่ “วิกฤติเศรษฐกิจ” ที่นายกฯ เศรษฐาพูดถึงบ่อย ๆ ก็ยังไร้แนวทางแก้

กลายเป็นข้ออ้างที่ สว.ลากตั้งส่วนหนึ่งรวมหัวยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ทั้งที่ในรัฐบาล 3 ป. ไม่กล้าแม้แต่จะคิด สว.อย่าง นายวันชัย สอนศิริ ที่เคยอวยว่า เศรษฐา เป็นนายกฯที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งมาให้ เป็นความหวังของชาติ เพิ่งให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า ตอนนี้ประชาชนชักทนไม่ไหว เปลี่ยนรัฐบาลแล้วไม่มีอะไรดีกว่ารัฐบาลเก่าเลย จนเกิดกระแสตีกลับให้ปรับ ครม.บ้าง มีนายกฯ 2 คน 3 คนบ้าง ปล่อยไว้เพื่อไทยจะเสียผู้เสียคน และก้าวไกลจะโตขึ้น เพราะความสิ้นหวังต่อรัฐบาลชุดนี้ “อย่ามัวแต่รำมวยหรือไหว้สวยอยู่อย่างนั้น” สว.ลากตั้งวันชัย ว่าไปโน่น

แต่นั่นแหละ พระพุทธเจ้าทรงค้นพบหลักธรรม “ปฏิจจสมุป บาท” ทุกอย่างเกิดแต่เหตุปัจจัย มีควันจึงมีไฟ มีเกิด จึงมีดับ มีสุข จึงมีทุกข์ มียศ จึงเสื่อมยศ มีลาภ จึงเสื่อมลาภ ฉันใดก็ฉันนั้น

เมื่อ สว.ลากตั้งกล้าทุบรัฐบาล ฝ่ายค้านจะอยู่เฉยได้ไง ก็ไม่แปลก ที่ในที่สุดพรรคฝ่ายค้าน ทั้ง ก้าวไกล ปชป. ไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.152 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เผยเหตุผลที่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เพราะผ่านมากว่าครึ่งปีรัฐบาลยังไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลทั้งไทยและเทศเอารัดเอาเปรียบประชาชน ข้าราชการเรียกรับผลประโยชน์ รีดนาทาเร้น หลักนิติธรรมถูกทำลาย เลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม บริหารไร้จริยธรรม ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้วุฒิภาวะ….

เหตุที่นายชัยธวัชยกมา มองเห็นปัจจัยได้ เช่น กฎหมายสองมาตรฐาน ไม่พ้นกรณี นักโทษเทวดา , การแก้รัฐธรรมนูญที่ล่าช้า-ซื้อเวลา, การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทที่ยังทำไม่ได้, การปฏิรูปโครงสร้างตำรวจที่เละเทะ, ทหารเกณฑ์ที่ยังไม่ยกเลิก, ที่ดิน ส.ป.ก. ที่จะเอาไปแจกนายทุน, ชายหาดสาธารณะที่ถูกผู้มีอิทธิพลยึด เป็นต้น

เหนืออื่นใด การยื่นอภิปรายครั้งนี้อาจเป็น ศึกครั้งสุดท้ายที่พรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในนามพรรคก้าวไกล เพราะกกต.กำลังเร่งเครื่อง “ติดเทอร์โบ” เสนอให้ยุบพรรคก้าวไกลพร้อมตัดสิทธิ สส. 45 คน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญปูทางไปก่อนหน้า ก็คงไม่น่ารอด การอภิปรายครั้งนี้พรรคก้าวไกลจึงต้องทิ้งทวนสร้างผลงานให้ประชาชนประทับใจมากสุด ออมมือไม่ได้ ขณะที่เป็นครั้งแรกที่ นายเศรษฐา ทวีสิน จะเจอศึกในสภาจากพรรคฝ่ายค้านที่ทรงพลานุภาพเป็นหนแรก หลังเหตุการณ์ เพื่อไทย ตระบัดสัตย์ จับมือพรรค 2 ลุง

กลายเป็นศึกล้างตาระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งที่ แฟร์ ๆ นายกฯเศรษฐา ขยันทำงาน แทบไม่มีวันหยุด กลับจากปารีสก็ไปเชียงใหม่อีกจนถูกจ้องจะมีดอดพบอดีตนายกฯทักษิณอีกหรือไม่ สั่งการแทบทุกเรื่อง ถนนพระราม 2 ก็ยังเป็นห่วง กำชับต้องเลิกเป็นถนน 7 ชั่วโคตร น่าซาบซึ้งใจที่สนใจทุกข์ระดับ “ไมโคร” ของชาวบ้านขนาดนี้

แต่เหตุใดยังถูกมอง ไร้ผลงาน เป็นโจทย์ยากที่พรรคเพื่อไทยต้องเอาไปขบคิดอย่างจริงจัง แทนที่จะให้ลิ่วล้อ นางแบก-นายแบก ออกมาแซะมั่วซั่ว ชี้นิ้ว ด่ากราดคนวิจารณ์ว่า สลิ่มเฟส 2 บ้าง ติ่งส้ม แพ้ไม่เป็นไปเรื่อยเปื่อยบ้าง

ถามจริง เรตติ้ง “เพื่อไทย” ยังดิ่งไม่พออีกหรือ?!?

………………………………
ดาวประกายพรึก

อ่านบทควมทั้งหมดที่นี่…