“เป็นโรคไม่มั่นใจในตัวเองสูงมาก ก็ได้การขี่มอเตอร์ไซค์ที่ช่วยเยียวยาและทำให้เรากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง” …เสียง “เอ๋ย-สุธาดา จงใจพระ” บอกเล่าเรื่องราวของเธอที่ได้ผูกพันกับโลกมอเตอร์ไซค์ แต่อะไรนำพาให้เธอก้าวจาก “อดีตเกิร์ลกรุ๊ปวง SHUU” สู่ “เส้นทางสาวไบค์เกอร์” เต็มตัว วันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” จะพาไปฟังจากปากสาวสวยคนนี้…

“เอ๋ย-สุธาดา” สาวสวยสายไบค์เกอร์ท่องเที่ยว เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “Chaoey Ride” คนนี้ ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในศิลปินวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง SHUU ซึ่งปัจจุบันเพื่อน ๆ สมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน โดยตัวเธอนั้นปัจจุบันนอกจากการเป็น “บล็อกเกอร์-ยูทูบเบอร์” ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจแล้ว ก็ยังรับงานแวดวงบันเทิงอยู่ อาทิ งานร้องเพลงตามอีเวนท์ต่าง ๆ ทั้งนี้ เอ๋ยได้เล่าประวัติชีวิตโดยสังเขปให้ “ทีมวิถีชีวิต” ฟังว่า… เธอเกิดและโตในกรุงเทพฯ เรียกว่าเป็นเด็กเมืองกรุงเต็มร้อย หลังจากเรียนจบ ม.6 เธอก็ได้เข้าค่ายเพลง และตั้งแต่นั้นเธอก็ทำงานในวงการบันเทิงมาตลอด ทั้งเป็นศิลปินนักร้อง นักแสดงซีรีส์ รวมถึงเป็นผู้ประกาศข่าว และปัจจุบันก็ยังทำงานในแวดวงบันเทิง โดยรายได้หลัก ๆ ตอนนี้ก็มาจากงานร้องเพลงตามอีเวนท์ต่าง ๆ …นี่เป็นเส้นทางชีวิตคร่าว ๆ ที่เธอเล่าให้เราฟัง

ส่วน “จุดเริ่มต้น” ที่ได้เข้าสู่วงการมอเตอร์ไซค์ จนมาเป็นอีกหนึ่ง “สาวไบค์เกอร์สายท่องเที่ยว” นั้น เอ๋ยเล่าว่า… เข้าวงการนี้ได้ไม่นาน เรียกได้ว่ายังเป็นมือใหม่สุด ๆ โดยเธอเพิ่งตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์เพื่อมาเป็นรถคู่ใจเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มจากด้วยความที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว และมีกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เป็นสายขี่บิ๊กไบค์ท่องเที่ยวระยะทางไกล ๆ เธอจึงถูกชักชวนให้ลองมาขี่ ทั้งที่ตอนแรกไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะท่องเที่ยวด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์

“ไม่มีเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลย เพราะตอนนั้นเราเป็นเพียงสายซ้อน (หัวเราะ) ไม่ได้เป็นคนขี่เอง เพราะด้วยความที่ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์เลย จึงไม่กล้าและกลัวอันตราย แต่พอได้ซ้อนท้ายบ่อย ๆ ก็เริ่มชอบอารมณ์ อีกอย่างหลัง ๆ ที่นั่งซ้อนท้ายรถเพื่อน ๆ เราเริ่มรู้สึกง่วง (หัวเราะ) เพราะไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากนั่งอย่างเดียว ก็เลยเกิดไอเดียว่า…งั้นเราลองขี่บ้างดีกว่า” …เอ๋ยพูดถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้ตัดสินใจลองขี่มอเตอร์ไซค์

หลังตัดสินใจจะเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ เธอก็เริ่มฝึกจากรถบิ๊กไบค์เลย แต่ด้วยความที่ไม่มีทักษะมาก่อน จึงทำให้ล้ม และถึงแม้จะไม่ได้ล้มแรง แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกกลัว ทำให้ไม่กล้าที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ๆ แต่ความคิดที่จะขี่มอเตอร์ไซค์เองก็ยังไม่เลิกล้ม เธอจึงหันไปมองมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งเธอบอกว่าเลือกอยู่นานพอสมควรเพราะตัดสินใจไม่ได้ จนเมื่อเธอได้ลองขี่มอเตอร์ไซค์ Honda รุ่น CT125 ของเพื่อนในกลุ่ม ทำให้รู้สึกชอบมาก เธอจึงตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เพื่อมาเป็นรถคู่ใจคันแรกในชีวิต หลังจากนั้นก็เริ่มเรียนการขี่มอเตอร์ไซค์แบบจริงจัง และเริ่มขี่ออกทริปกับเพื่อน ๆ เพื่อสะสมชั่วโมงบิน

“จริง ๆ ก่อนจะมาเป็นไบค์เกอร์ ตอนแรกก็แอบลังเล เพราะเรารักสวยรักงาม และเป็นคนที่ห่วงผิวพรรณตัวเองมาก แต่ทุกครั้งที่ได้สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไป ความกลัวความกังวลว่าผิวจะเสีย ผิวจะดำ หายไปหมดเลย (หัวเราะ) เหมือนว่า…เราหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง แต่เราก็มีวินัยในตัวเองสูง เช่น ต้องทาครีมกันแดดบ่อย ๆ หรือหาเสื้อที่กันแดดได้เยอะ ๆ มาใส่คลุมเวลาขี่รถท่องเที่ยว ซึ่งร้อนไม่กลัว กลัวดำมากกว่าค่ะ เพราะเรายังต้องใช้หน้าตาหากิน (หัวเราะ) หลังจากจบทริปก็จะต้องมาร์คหน้าทุกครั้ง และจริง ๆ เอ๋ยเคยไปปรึกษาหมอผิวหนังมา คุณหมอก็บอกว่า…ถ้าต้องการใช้ชีวิตแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี จริง ๆ ก็เคยถูกเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เจอนานทักว่า… เอ๊ะ!!…เดี๋ยวนี้ผิวเราเข้มขึ้นมาก แต่เราก็ไม่ได้เสียความรู้สึกอะไร เพราะเราเลือกทำสิ่งที่ชอบไปแล้ว” เอ๋ยเล่า

กับเพื่อน ๆ วง SHUU สมัยเป็นเกิร์ลกรุ๊ป

พร้อมบอกถึงอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนทำให้หันมาขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวว่า… แต่ก่อนเคยเป็นคนที่ขาดความมั่นใจสูงมาก จนกลายเป็นคนคิดมาก จนถึงขั้นจะเป็นซึมเศร้า จึงไปปรึกษากับจิตแพทย์ ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่า…ให้ลองหากิจกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างความมั่นใจให้ตัวเองดู ซึ่งสุดท้ายเธอก็ได้การขี่มอเตอร์ไซค์เป็นตัวช่วยในการบำบัด เพราะเวลาที่ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว เหมือนกับการเล่นเกมผ่านแต่ละด่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งขี่ได้สักระยะหนึ่ง เธอก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเธอมีสติ มีสมาธิ และเกิดความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น ซึ่งสาวสวยสายไบค์เกอร์ยังเล่าอีกว่า… ทริปแรกในชีวิตคือ ขี่ไปเที่ยวเขาใหญ่ โดยไปกับกลุ่มเพื่อน ส่วน ทริปเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต คือทริปสวนผึ้ง จ.ราชบุรี

“ความรู้สึกที่ได้ขี่เที่ยวครั้งแรก เอ๋ยรู้สึกดีมาก แม้จะเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ยิ่งทุกครั้งที่ไปถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ได้สำเร็จ ยิ่งรู้สึกภูมิใจ จนหลงรักการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมากขึ้น และกลายเป็นคนที่ติดการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวไปเลย ถึงขนาดยอมลางานไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวกับเพื่อน ๆ เลยทีเดียวค่ะ” เธอยอมรับเรื่องนี้

บางส่วนของทริป

สำหรับจุดเริ่มต้น “บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว” เอ๋ยบอกว่า…เริ่มเปิดเพจเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมจริงจังช่วงเดือนสิงหาคมปี 2566 หลังจากได้ลองทำมาสักพักเธอก็ค้นพบว่า…ทางนี้น่าจะเหมาะกับตัวเอง จึงอยากผันตัวมาทำอย่างเต็มตัว แต่ปีเดียวกันนี้เองเธอบังเอิญเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานร้องเพลงถึงขั้นขาหัก ต้องพักรักษาตัวที่บ้านนานกว่า 3 เดือน แต่เธอก็ไม่ปล่อยเวลาทิ้งไป ก็เอาช่วงที่พักรักษาตัวมานั่งเรียนรู้ศึกษาการทำช่องยูทูบ จนเมื่อขาหายดีแล้วจึงเริ่มทำช่องของตัวเอง

“เที่ยวบ่อยจนมาคิดว่า…ถ้าจะลางานบ่อยคงไม่ได้ เพราะต้องทำงานหาเงินด้วย ดังนั้นเราต้องได้อะไรจากการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวด้วย จึงเริ่มคิดว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวยังไงให้เป็นงานและมีรายได้จากการเที่ยว ก็เลยคุยกับพี่ ๆ ในกลุ่ม จนได้ลองทำคอนเทนต์ลงออนไลน์ดู แม้ทุกวันนี้จะยังไม่มีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนงานร้องเพลงที่เป็นงานหลัก แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกผิดน้อยหน่อยเวลาที่ลางานไปเที่ยว” …เอ๋ยบอกเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดี

“เอ๋ย-สุธาดา” สาวสวยสายไบค์เกอร์ อดีตศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ถึงเป้าหมายชีวิตข้างหน้าของเธอว่า… ตอนนี้เธอยังเป็นมือใหม่ จึงอยากเก็บเลเวลให้ตัวเองไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไป ซึ่งเธอก็มี “ความฝันที่ตั้งใจไว้” นั่นคือ “ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเมืองนอก” นอกจากนี้เธอยังวาดฝันอีกเรื่องเอาไว้อีกด้วยว่า… อนาคตอยากจะมีรถโฟร์วีลสักคันเพื่อใช้บรรทุกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกเดินทางท่องเที่ยว และเธอก็ยังบอกด้วยว่า… “ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง อาชีพร้องเพลงเราก็จะทำให้ดีที่สุดและไม่ยอมทิ้งแน่นอน เพราะก็เป็นสิ่งที่เราหลงรัก ส่วนการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวนั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะขี่ได้อีกนานขนาดไหน แต่ตอนนี้ยังไหวอยู่ก็ทำไปเรื่อย ๆ เพราะก็รู้สึกหลงรักกับสิ่งนี้ด้วย และ…เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุข”.

บางส่วนของคอนเทนต์ของเอ๋ย

‘เจริญสติ’ ด้วย ‘โลกหลังแฮนด์’

“เอ๋ย-สุธาดา จงใจพระ” ได้ให้ “คำแนะนำสำหรับมือใหม่” ที่อยากลอง “ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว” แบบเธอว่า… ต้องเริ่มจากการถามตัวเองก่อนว่า… “ชอบจริงไหม?” โดยเฉพาะ “ผู้หญิง” จะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า… “สู้ร้อนสู้แดดได้ไหม?” และด้าน “ร่างกาย” สิ่งที่ควรทำประจำคือ… “ต้องออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงสำหรับใช้ช่วยในการประคองรถ” ส่วนด้าน “จิตใจ” ก็ต้องพร้อม… “ต้องมีสมาธิเสมอ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการขับขี่รถเพื่อท่องเที่ยวคือเรื่องของความปลอดภัย ทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง” ซึ่งถ้าเป็นไปได้ควรลงคอร์สฝึกทักษะการขับขี่ปลอดภัยเสียก่อน

และอีกสิ่งที่ “ห้ามขาดเด็ดขาด” เมื่อขี่รถท่องเที่ยวก็คือ… “อุปกรณ์ป้องกัน” อีกทั้งก่อนจะออกทริปนั้น “ควรศึกษาเส้นทาง” ให้ดีก่อนเสมอ… “เอ๋ยมองว่า…เวลาเราขี่รถ เหมือนเราได้ฝึกจิตหรือฝึกสมาธิเลยนะ ทำให้มีสติรู้เท่าทันจิตใจตัวเอง เพราะเวลาที่ขี่รถ จิตจะต้องนิ่งและมีสมาธิ ก็ช่วยทำให้เรารู้ภาวะอารมณ์ตัวเองมากขึ้น ซึ่งเอ๋ยว่า…เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้มาก โดยเฉพาะเวลาเจอปัญหาอุปสรรคอะไร เราก็จะสามารถผ่านมันไปได้”.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน