เรียน คุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ
ผมอายุ 69 ปี ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไปพบแพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยการให้กินยาตามสั่ง และต้องไปพบแพทย์ตามกำหนดนัดไม่เคยขาด มาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว มีปัญหาให้ต้องทุกข์ใจในทุกวันนี้คือหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากโต เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ก็มีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะกะปริดกะปรอย มันทำให้ไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันมาก ตอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะคืนละหลายครั้ง ทำให้นอนหลับไม่สบาย แต่นั่นยังไม่เป็นอะไรมากเท่ากับการที่อวัยวะสำคัญมีอาการอ่อนตัวจนร่วมเพศไม่ได้ มันทำให้ต้องทรมานในหัวใจมากกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น จึงอยากมีสุขภาพทางเพศที่ดีขึ้น จะทำได้บ้างไหม โปรดให้คำแนะนำด้วย

ด้วยความนับถือ
สุรเดช 69

ตอบ สุรเดช 69 
ปัญหาของชายวัย 69 ปี คือ หลังจากได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากโตพบว่ามีอาการปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก อาการคืนฟื้นทางนี้ต้องใช้เวลา 2-3 อาทิตย์ที่จะคืนสภาพปกติ ให้ติดตามกับผู้ชำนาญรักษาการแข็งตัวเท่านั้นจะได้ผลดี อย่าท้อ ระบบฟื้นฟูและยาเฉพาะกิจช่วยอยู่ได้ผลจนลืมทุกข์ของปัสสาวะบ่อยได้เช่นกัน หมั่นฝึกฝนและทานยาตามที่แพทย์แนะนำก็ไม่ผิดหวัง ในคนไข้มะเร็งต่อมลูกหมากหลังผ่าตัดแล้วก็ได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูการแข็งตัว 2 อาทิตย์นี้เช่นกัน ช่วยเพิ่มออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อเพศ ช่วยฟื้นฟูการแข็งตัวให้เร็วขึ้นได้ 30 นาที และร่วมเพศได้ทุกวัน มีรายงานเรื่องคนไข้หลังผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากแล้วไม่ได้ฟื้นฟูต่อเนื่อง พบว่าอวัยวะจะอ่อนแอและหดสั้นไปเรื่อย ๆ การที่อวัยวะเพศเกิดการอ่อนตัวกลางคันย่อมแสดงว่าการแข็งตัวลดลงไม่เต็มที่

ดังนั้นการรักษาอาการอีดีของชายวัย 69 ปีนี้จะต้องเข้ารับการฟื้นฟู การรักษาก็เป็นไปตามขั้นตอนอาจจะใช้ยากินเพื่อฟื้นฟูระบบหลอดเลือด ยาในกลุ่มขยายหลอดเลือดหรือยาเฉพาะกิจ ถ้ามีภาวะเบาหวานร่วมด้วยอาจจะใช้การยิงคลื่นเสียงความถี่ต่ำไปยังเส้นเลือดที่องคชาตเพื่อเพิ่มการสร้างเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ที่องคชาต ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ต้นเหตุของอาการอีดีโดยตรง พร้อมกับการใช้วิธีบริหารกล้ามเนื้อเพศร่วมด้วยยิ่งจะทำให้ผลการรักษาเกิดประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากเป็นเบาหวานมาเป็นเวลานานก็มียากระตุ้นช่วยขยายเส้นเลือดที่องคชาต 

วิธีการรักษาอาการอีดีต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ผู้ป่วยที่กำลังเผชิญอยู่กับอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการรักษาจากผู้ชำนาญเฉพาะโดยตรง ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองเพราะยาแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงไม่เหมือนกัน การเลือกยาที่ไม่เหมาะกับตัวคุณย่อมทำให้สิ้นเปลืองเงิน เสียเวลา และที่สำคัญคืออาจมีผลเสียต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว.

………………………………
ดร.โอ สุขุมวิท51

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…