การพนันทำให้คนประมาทต่อชีวิต เพราะคิดว่า “เงินหาง่ายจากการเสี่ยงโชค” ดังนั้น ก็จะมีประเภทที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังเวลาใช้เงิน (โดยเฉพาะพวกที่ได้เงินจากการพนัน) ทำให้ฐานชีวิตของคุณไม่มีความพร้อมในการใช้ชีวิตในวัยชรา เพราะอาจไม่เหลือเงินเก็บเลย ..อารมณ์แบบ “สามล้อถูกหวย” ที่เคยเป็นข่าวนานมาแล้ว ..สามล้อรายหนึ่งถูกหวยขึ้นมา ค่าที่ไม่เคยมีเงินก็ใช้ไม่เป็น วิธีคิดแบบ “คนเพิ่งจะมีเงิน” ข้อหนึ่งคือหน้าใหญ่ แจกดะโดยเฉพาะแจกเด็กเลาจน์ เพื่อเอาคำว่า..ป๋า..เอาความภูมิใจปลอมๆ เวลาเข้าสถานบันเทิง ..จนวันหนึ่ง ไอ้ที่มีเป็นล้านดูไปดูมาเหลือสามหมื่น ต้องกลับไปซื้อสามล้อมาขับต่อ … “ค่าหน้าตา”ในสังคมบางทีมันสูง  เรียกว่า ได้โชว์รวยแล้วภูมิใจ

ได้รู้จักคนๆ หนึ่งจากมิตรสหายเล่าถึง .. รายที่ว่า เขาขายที่ดินได้ในราคาหลักสิบล้าน แต่บังเอิญนิสัยผีพนันเข้าสิงไล่ก็ไม่ค่อยจะออก เขาตระเวนเล่นการพนันไปทั่ว ซึ่งไม่ต้องไปหาบ่อนอะไรที่มันซุกอยู่ทั่วเมืองหรอก …เขาอยู่แถวบ้านนอก เวลามีงานศพ ก็มีการเล่นพนัน ( ส่วนใหญ่ไฮโล ) เฝ้าศพนั่นแหละ ..รายนี้บางทีรู้ว่า มีงานศพที่ไหน ไม่ต้องรู้จักมันหรอกเจ้าภาพ ขอให้รู้ว่ามีวงพนัน จะไฮโล จะป๊อกเด้งอะไร ก็พร้อมไปอยู่เป็นเพื่อนศพกับเขา …ที่สุดแล้ว เงินขายที่ก็ไม่เหลือ แล้วบังเอิญ ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เขาป่วยโรคไต ..ไอ้เงินที่จะต้องรักษาสุขภาพก็ละลายกลายเป็นวิมานลอยไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่ประเทศไทยมีสิทธิ์รักษาพยาบาลบัตรทอง

ขณะที่รัฐบาลเสี่ยนิด นายเศรษฐา ทวีสิน พยายามแก้หนี้นอกระบบ…เชื่อสิว่า กลุ่มหนึ่งหนี้นอกระบบมาจากการพนัน ซึ่งบางคนก็ถูกขู่ฆ่ามา ก็กลายเป็นภาระรัฐบาลในการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ ..ถ้าเป็นหนี้ที่เกิดจากกิจการล้มละลายเพราะโควิด ดิ้นรนต่อสู้ทุกวิถีทางแล้ว แต่เข้าถึงการกู้ยืมสถาบันการเงินไม่ได้ อย่างนี้ค่อยน่าช่วย

การพนันจะเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็มีการศึกษาการตั้งคาสิโนในประเทศไทย เพื่อดึงเงินเข้าประเทศ ซึ่งไม่ได้มาศึกษาสมัยรัฐบาลเสี่ยนิด มีมาตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์ ผลการศึกษาก็ออกมาในลักษณะ “ควรจะมีคาสิโน” แต่เขาบอกอย่าเรียกคาสิโนมันไม่งาม ต้องเรียกเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หรือหมายถึงศูนย์รวมความบันเทิง แบบว่า อาจมีเนื้อที่สัก 3-10 % ในศูนย์ฯ เป็นบ่อน นอกนั้นจะเป็นพื้นที่เพื่อความบันเทิงอื่น มีอะไรบ้างก็ไม่รู้เหมือนกัน  

รมช.หนิม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อธิบายถึงเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า “ผมในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพลกซ์ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  ขอนำเสนอข้อมูลบางส่วนที่น่าสนใจ คือ สถานบันเทิงไม่ได้เท่ากับคาสิโนเท่านั้น นิยามของสถานบันเทิงครบวงจร คือ สถานที่ที่รวมสถานบันเทิงหลายประเภทในพื้นที่เดียวกัน เช่น โรงแรมระดับ 5 ดาว แลนด์มาร์ค ศูนย์การจัดแสดงโชว์ ร้านอาหาร ฯลฯ ร่วมกับกาสิโน สถานบันเทิงครบวงจร  การจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนระดับโลกจะจัดสรรให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เฉพาะ เพื่อให้สะดวกในการบริหารจัดการ การจัดเก็บรายได้ และการควบคุมการเข้ามาเล่นกาสิโนของคนในประเทศ เป้าหมายในการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรคือการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ และแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย สถานบันเทิงครบวงจรตอบโจทย์เทรนด์ธุรกิจการท่องเที่ยวปัจจุบัน  

“อุตสาหกรรมกลุ่มเศรษฐกิจสร้างความสนุก ( Fun Economy ) เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้ทั้งโลกอยู่ที่ 13.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 14% ของจีดีพีทั้งโลก นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่และเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมหาศาลและเกี่ยวข้องกับอีกหลายอุตสาหกรรม ในปี พ.ศ.2565  สถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ 2571 ซึ่ง 4 ใน 7 ของประเทศที่มีรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรสูงสุดเป็นประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน  ข้อมูลจาก Statista พบว่า ประเทศที่มีได้รายได้เข้าประเทศสูงที่สุดจากอุตสาหกรรมนี้คือ มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐอเมริกา (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”

สถานบันเทิงครบวงจรสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศสิงคโปร์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้กว่า 3 แสนล้านบาท ขยายรายได้ภาคการท่องเที่ยวมากกว่า 47% เทียบกับก่อนการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ได้ 4% ของ GDP ในปี พ.ศ. 2565  สร้างการจ้างงานที่มีรายได้สูงกว่า 20,000 ตำแหน่ง  มูลค่าการจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 12,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ รัฐบาลสิงคโปร์สามารถจัดเก็บภาษี และนำเงินเข้ากองทุนเพื่อบำบัด เยียวยาผู้ที่ติดการพนัน และปราบปรามการพนันที่ผิดกฎหมาย หลังจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อัตราผู้ติดการพนันและการพนันผิดกฎหมายลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.1% ในปี พ.ศ.2548  เป็น 0.2% ในปี พ.ศ.2563  ในสหรัฐอเมริกา ผลการศึกษาจาก AGA หรือ American Gaming Association ระบุว่าอุตสาหกรรมกาสิโนสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างรายได้ให้แรงงาน 1.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท สร้างงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานสหรัฐเกือบ 2 ล้านรายทั่วประเทศจากธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน รัฐบาลกลางสหรัฐฯ และรัฐบาลท้องถิ่นสามารถเก็บภาษีจากการพนันได้กว่า 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั่วโลกจะมีการเก็บรายได้ของกาสิโนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือภาษีกาสิโนโดยเฉพาะ โดยหลักการทั่วโลกจะคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gaming Revenue; GGR) กล่าวคือ รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นที่วางเดิมพัน ซึ่งแต่ละประเทศมีอัตราการเก็บภาษีส่วนนี้แตกต่างกัน อาทิ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา จัดเก็บที่ 10% ของ GGR ประเทศสิงคโปร์จัดเก็บที่ 17% ของ GGR และ มาเก๊าจัดเก็บที่ 35% ของ GGR เป็นต้น รายได้ของรัฐลำดับถัดมาที่จะเก็บได้จากกาสิโนคือ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต สิงคโปร์กรณีมีกาสิโน 1 แห่งค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 28.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ใบอนุญาตมีเวลากำหนดแล้วแต่ประเทศ  รายได้อีกทางหนึ่งคือ ค่าเข้าใช้บริการกาสิโน สำหรับอัตราคนในประเทศ และอัตราคนต่างประเทศ  เงินเก็บในส่วนนี้จะเข้าไปที่กองทุนภาษีและค่าธรรมเนียมการพนัน เพื่อนำไปใช้ในกิจการเพื่อสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการพนัน

ก็มีเครือข่ายคัดค้าน อย่างที่ยื่นหนังสือไปก็เครือข่ายภาคประชาสังคมจาก 16 จังหวัด (จังหวัดนครราชสีมา กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย อุดรธานี เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สระบุรี ชลบุรี พัทลุง สงขลา และกรุงเทพมหานคร) กว่า 30 คน ไปยื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.เพื่อแสดงจุดยืนและความห่วงใยบ่อนถูกกฎหมาย  โดยระบุว่า ตั้งแต่เว็บพนันที่เป็นที่มาของความขัดแย้งของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เรื่องบ่อนขนาดใหญ่ที่นนทบุรี   เครือข่ายสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการเปิดบ่อนการพนันในพื้นที่ พบว่าประชาชนไม่เอาด้วยให้มีบ่อนการพนันมาเปิดในพื้นที่ 85.6% ไม่เชื่อมั่นว่าภาครัฐจะกำกับดูแลไม่ให้มีธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพลและมือปืน 88.92 % ไม่เชื่อมั่นว่าบ่อนพนันจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 90.28%

ไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่า สามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และกระตุ้นเศรษฐกิจเติบโต 83.84% จากผลการศึกษาสะท้อนว่า ประชาชนไม่เอาด้วยที่จะมีการเปิดบ่อนพนันในพื้นที่ ถึงจะดึงดูดให้เกิดการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้สูงจากต่างประเทศและในประเทศ แต่ก็อาจจะต้องแลกด้วยปัญหาสังคม และอาชญากรรม คือขอให้ฟังความเห็นจากประชาชน

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มารับหนังสือแทน บอกว่า  จากรายงาน พื้นที่ที่จะทำเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ระบุไว้ 5 พื้นที่ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุฯ โดยจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานจีดีพีต่อหัวต่อคน และขนาดของพื้นที่ มีเงื่อนไขสัดส่วนการจ้าง มีกองทุนเยียวยาฟื้นฟูผู้ติดการพนันหรือยาเสพติด ซึ่งจากการศึกษาพบว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสม เราพิจารณาครอบคลุมถึงผลกระทบของประชาชน  ข้อเสนอของภาคประชาชนจะบรรจุในรายงานด้วย

“เงื่อนไขในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ใดไม่ได้ให้ผู้ลงทุนจากต่างชาติมาเลือก แต่เลือกจากจังหวัดที่มีความพร้อม เช่นรายได้ต่อหัวต่อครัวเรือน สภาพการศึกษาการ โครงสร้างพื้นฐานแต่ละจังหวัด เพื่อรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของการมีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่จะส่งผลถึงเมืองรองรอบจังหวัด ยกตัวอย่างเรื่องการเกิดการจ้างงาน ที่ต้องเป็นคนไทยมากกว่า 90%  เว้นทักษะพิเศษชั้นสูงที่จะเป็นการทำงานร่วมกับต่างชาติ  อีกทั้งจะมีการมีทักษะใหม่ๆเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีสินค้าชุมชนและวัฒนธรรมชุมชนที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น เราไม่ได้เอื้อต่อนายทุนต่างชาติ

ข้อห่วงใยต่างๆจะครอบคลุมกำหนดไว้ในกฎหมาย ให้คาสิโนต้องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ  หากมีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ใด รายได้ขั้นต่ำหรือรายได้ต่อวัน 600 บาทต่อวันก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ขณะเดียวกันจะมีทักษะใหม่เกิดขึ้นที่จะมีค่าแรงต่อวัน 2,000 บาท ส่วนการเติบโตด้านการท่องเที่ยวก็จะเพิ่มขึ้น3-4 เท่า ทำให้เศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด”

ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะกำหนดลูกค้าที่เข้าไปเล่นในเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ได้ คือ “ต้องรู้ฐานะลูกค้า” เหมือนคาสิโนในสิงคโปร์ที่มีค่าเข้า และเหมือนจะได้ยินว่า ต้องมีการสังเกตด้วยว่า ใครที่เริ่มจะเสียจนแย่แล้ว ก็ต้องมีหน่วยไปเตือนให้หยุด ซึ่งเอาจริงบ่อนมันก็แสวงหากำไร กรณี “เตือนให้หยุด” มีแค่เรื่องเดียวคือบ่อนจับได้ว่าโกง ..แล้วอีกอย่าง คือ คุณต้องยอมรับว่า การพนันเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม ในกรณีคาสิโนถ้าคิดว่า คุมได้ ก็ไม่เป็นไร..แต่การพนันในสถานที่อื่นๆ พวกบ่อนวิ่ง บ่อนแอบตามสถานที่ต่างๆ ที่บางที่“ส่งส่วย”ให้อยู่ได้ กระทั่งไปเล่นตามงานศพอย่างที่กล่าวมา พวกนี้ควรจะมีการแก้ไข จะใช้วิธีไหน ? นี่ยอมรับว่า นึกไม่ออกว่า กองทุนเยียวยาฟื้นฟู การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนหรือเด็กในเรื่องของการพนัน จะทำแบบ สสส.หรือเปล่า ? ประเภทออกหนังโฆษณามาเรื่อยๆ แล้วได้ผลในการรณรงค์หรือเปล่า

อยากฝากรัฐบาลว่า อยากให้ทำควบคู่กัน หากเห็นว่า การมีคาสิโนกระตุ้นเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดได้ ก็ทำควบคู่กับการบำบัด แก้ปัญหาการพนันโดยเฉพาะในหมู่คนฐานะยากจน คนชนบท เพื่อตัดปัญหาทางการเงินให้พวกเขา.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่