แปลกตรงที่แทน ที่จะเป็น “ทหารรัฐบาลเมียนมา” ใช้ช่วงหน้าแล้งเป็นความสะดวกในการเข้าโจมตี “กองกำลังชนกลุ่มน้อย-กลุ่มชาติพันธุ์” แต่รอบล่าสุดสถานการณ์กลับตรงกันข้าม…

       ชนกลุ่มน้อยชิงถล่มทหารเมียนมา…

      เบื้องต้นทหารเมียนมาพลาดท่าเละ!!

ถามว่า…“เกิดอะไรขึ้น??” กับคำตอบที่ทาง รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ สะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มา…น่าพิจารณา… ’การปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยครั้งนี้ แม้ทหารพม่าอาจจะยังมีพลังตีกลับ แต่ดูในเรื่องของการต่อต้านและพลังของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ บอกได้เลยว่า รัฐบาลทหารพม่าถึงจุด ๆ หนึ่งที่อยู่ในฐานะลำบาก เรียกว่าอาจเป็นจุดปรับเปลี่ยนก็ได้!!“

รศ.ดร.สมชาย ให้ความคิดเห็น และก็สะท้อนว่า… ก่อนหน้านี้เมียนมาหรือพม่ากำลังมีประชาธิปไตย แต่แล้วก็เกิดรัฐประหารกลับไปอยู่ในวงจรเผด็จการอีก จน ประชาชนจำนวนมากโกรธแค้นการปฏิวัติรัฐประหารครั้งหลังสุด ที่เกิดขึ้น ซึ่งสมัยก่อนปฏิวัติรัฐประหารนั้นประชาชนยอมและกลัว แต่ครั้งหลังสุดเป็นการปฏิวัติหลังประเทศมีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนได้ลิ้มรสความสุขและเสรีภาพจากประชาธิปไตยที่เคยไม่มีมายาวนาน อีกทั้งปัจจุบันโลกก็ยิ่งเปิดกว้างเรื่องสิทธิเสรีภาพจากโซเชียลมีเดีย ไม่เหมือนสมัยก่อน ทำให้คนตระหนักมากขึ้นในข้อดีของเสรีภาพ

’พอมีปฏิวัติอีก จึงมีคนที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาลทหารพม่า การปฏิวัติอีกเป็นการสร้างให้ประชาชนเกลียดรัฐบาลทหารที่ทำการปฏิวัติกันเกือบทั้งประเทศ!! กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับคนสัญชาติพม่าเอง และประชาชนพม่าที่ไม่พอใจก็ไปมีจุดยืนจุดเดียวกับชนกลุ่มน้อยกองกำลังติดอาวุธที่ ต่อต้านทหาร จึงทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์การรวมตัวกันของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กลุ่มต่าง ๆ“ …นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ท่านเดิมฉายภาพ

พร้อมระบุต่อไปว่า… “กองกำลังชนกลุ่มน้อยมีการปะทะกับรัฐบาลทหารพม่ามาเรื่อย ๆ เนิ่นนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาชนกลุ่มน้อยมีกำลังไม่มาก และก็ยังรวมตัวกันไม่ติดเท่าไหร่ พอมาตอนนี้กลุ่มต่อต้านมีการรวมพลังกัน แน่นอนว่าภายในอาจจะมีความขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า”

ในปัจจุบัน กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มมีพลังมากขึ้นในแต่ละจุด เพราะประชาชนเกิดการรวมตัวอย่างหนาแน่นขึ้นมา และถึงจุดหนึ่ง… ’ทหารพม่าเองก็ขาดขวัญกำลังใจ ทำให้โดนโจมตีทีละจุด ที่เห็นได้ชัดก็ที่เมียวดี ที่กลุ่มต่อต้านสามารถเข้าไปเล่นงานทหารได้ ตอนนี้จึงจะเห็นได้ว่า…รัฐบาลทหารพม่ากำลังเป็นเสือลำบาก!!“

แม้ว่าทหารพม่าหรือเมียนมาอาจจะมีความได้เปรียบในเชิงของกำลังทางอากาศที่เข้าโจมตี แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธมีความเข้มแข็งและมีอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น และ… แม้แต่ประเทศต่าง ๆ ที่เคยสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าก็เริ่มรู้สึกว่าต้อง
มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มต่อต้าน จึงไม่เข้าข้างฝ่ายพม่าเหมือนในอดีต
เพราะสถานการณ์เปลี่ยน จึงต้องคำนึงถึงอนาคต เพื่อประโยชน์ของประเทศตัวเอง ทั้งผลประโยชน์ทางการค้า การลงทุน และ
ความมั่นคง

’บอกได้เลยว่า รัฐบาลทหารพม่าคงจะถึงจุด ๆ หนึ่งที่อยู่ในฐานะลำบาก เรียกว่าเป็นจุดปรับเปลี่ยน ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า!!“ …ทาง รศ.ดร.สมชาย ระบุย้ำกรณีรัฐบาลทหารพม่า และสะท้อนการวิเคราะห์ “สถานการณ์น่าจับตา??”

ทั้งนี้ สำหรับ ’ประเทศไทย“ ที่มีชายแดน “อยู่ติดกับพื้นที่การสู้รบ” นักวิชาการท่านเดิมบอกว่า… ยิ่งต้องจับตามองและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ยิ่งต้องมีความพร้อมในการรับมือและการจัดการให้ดี เพราะจะ มีชาวพม่าทะลักเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งประชาชน ทหาร กองกำลังชนกลุ่มน้อย และการปะทะกันก็จะทำให้ มีกระสุนปืน หรือระเบิด ข้ามเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คนไทยในพื้นที่ที่ติดชายแดนได้รับความเดือดร้อน เกิดความเสียหายได้

’ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่แสดงออกว่าเข้าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องป้องกันอธิปไตยเรื่องการรุกล้ำ แต่ก็ต้องดำเนินมาตรการตามหลักมนุษยธรรม ช่วยเหลือคนที่หนีเข้ามาในเขตอธิปไตยไทย ต้องป้องกันอาวุธต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อไทย และต้องพยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลาย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องให้มีความสงบมากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็อาศัยทำในนามของอาเซียน ให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจา“ …นี่เป็น ’สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำ“ ตามความเห็นของ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ และก็ได้ชี้ “ผลกระทบต่อไทย” มาด้วยว่า…

เรื่อง “การค้าชายแดน” หนีไม่พ้นได้รับผลกระทบเป็นจุด ๆ แต่พอการปะทะสงบก็จะค้าขายกันได้เหมือนเดิม เรื่อง “การ
ส่งออก-นำเข้า”
น่าจะยังมีอยู่ แต่… “การลงทุน” จะมีปัญหาแน่…จะ “เจอปัญหาความไม่แน่นอนสูง…ยิ่งยืดเยื้อยิ่งกระทบ!!” การลงทุนบางอย่างเกี่ยวข้องกับรัฐบาล บางอย่างต้องชะงัก บางอย่างก็ต้องว่ากันใหม่เรื่องสัมปทาน

      สรุปคือ ’ศึกข้างบ้านไทยก็มิใช่จิ๊บ ๆ“

      ศึกล่าสุด ’เป็นสัญญาณจุดเปลี่ยน“…

      แม้ซา ๆ ลง ’ไทยก็ต้องใส่ใจให้ดี“.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่