แปลกตรงที่แทน ที่จะเป็น “ทหารรัฐบาลเมียนมา” ใช้ช่วงหน้าแล้งเป็นความสะดวกในการเข้าโจมตี “กองกำลังชนกลุ่มน้อย-กลุ่มชาติพันธุ์” แต่รอบล่าสุดสถานการณ์กลับตรงกันข้าม…
ชนกลุ่มน้อยชิงถล่มทหารเมียนมา…
เบื้องต้นทหารเมียนมาพลาดท่าเละ!!
ถามว่า…“เกิดอะไรขึ้น??” กับคำตอบที่ทาง รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ สะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มา…น่าพิจารณา… ’การปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยครั้งนี้ แม้ทหารพม่าอาจจะยังมีพลังตีกลับ แต่ดูในเรื่องของการต่อต้านและพลังของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ บอกได้เลยว่า รัฐบาลทหารพม่าถึงจุด ๆ หนึ่งที่อยู่ในฐานะลำบาก เรียกว่าอาจเป็นจุดปรับเปลี่ยนก็ได้!!“
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/04/12-34.jpg)
รศ.ดร.สมชาย ให้ความคิดเห็น และก็สะท้อนว่า… ก่อนหน้านี้เมียนมาหรือพม่ากำลังมีประชาธิปไตย แต่แล้วก็เกิดรัฐประหารกลับไปอยู่ในวงจรเผด็จการอีก จน ประชาชนจำนวนมากโกรธแค้นการปฏิวัติรัฐประหารครั้งหลังสุด ที่เกิดขึ้น ซึ่งสมัยก่อนปฏิวัติรัฐประหารนั้นประชาชนยอมและกลัว แต่ครั้งหลังสุดเป็นการปฏิวัติหลังประเทศมีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนได้ลิ้มรสความสุขและเสรีภาพจากประชาธิปไตยที่เคยไม่มีมายาวนาน อีกทั้งปัจจุบันโลกก็ยิ่งเปิดกว้างเรื่องสิทธิเสรีภาพจากโซเชียลมีเดีย ไม่เหมือนสมัยก่อน ทำให้คนตระหนักมากขึ้นในข้อดีของเสรีภาพ
’พอมีปฏิวัติอีก จึงมีคนที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาลทหารพม่า การปฏิวัติอีกเป็นการสร้างให้ประชาชนเกลียดรัฐบาลทหารที่ทำการปฏิวัติกันเกือบทั้งประเทศ!! กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับคนสัญชาติพม่าเอง และประชาชนพม่าที่ไม่พอใจก็ไปมีจุดยืนจุดเดียวกับชนกลุ่มน้อยกองกำลังติดอาวุธที่ ต่อต้านทหาร จึงทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์การรวมตัวกันของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กลุ่มต่าง ๆ“ …นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ท่านเดิมฉายภาพ
พร้อมระบุต่อไปว่า… “กองกำลังชนกลุ่มน้อยมีการปะทะกับรัฐบาลทหารพม่ามาเรื่อย ๆ เนิ่นนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาชนกลุ่มน้อยมีกำลังไม่มาก และก็ยังรวมตัวกันไม่ติดเท่าไหร่ พอมาตอนนี้กลุ่มต่อต้านมีการรวมพลังกัน แน่นอนว่าภายในอาจจะมีความขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า”
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/04/VideoCapture_20240420-145250-1.jpg)
ในปัจจุบัน กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มมีพลังมากขึ้นในแต่ละจุด เพราะประชาชนเกิดการรวมตัวอย่างหนาแน่นขึ้นมา และถึงจุดหนึ่ง… ’ทหารพม่าเองก็ขาดขวัญกำลังใจ ทำให้โดนโจมตีทีละจุด ที่เห็นได้ชัดก็ที่เมียวดี ที่กลุ่มต่อต้านสามารถเข้าไปเล่นงานทหารได้ ตอนนี้จึงจะเห็นได้ว่า…รัฐบาลทหารพม่ากำลังเป็นเสือลำบาก!!“
แม้ว่าทหารพม่าหรือเมียนมาอาจจะมีความได้เปรียบในเชิงของกำลังทางอากาศที่เข้าโจมตี แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธมีความเข้มแข็งและมีอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น และ… แม้แต่ประเทศต่าง ๆ ที่เคยสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าก็เริ่มรู้สึกว่าต้อง
มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มต่อต้าน จึงไม่เข้าข้างฝ่ายพม่าเหมือนในอดีต เพราะสถานการณ์เปลี่ยน จึงต้องคำนึงถึงอนาคต เพื่อประโยชน์ของประเทศตัวเอง ทั้งผลประโยชน์ทางการค้า การลงทุน และ
ความมั่นคง
’บอกได้เลยว่า รัฐบาลทหารพม่าคงจะถึงจุด ๆ หนึ่งที่อยู่ในฐานะลำบาก เรียกว่าเป็นจุดปรับเปลี่ยน ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า!!“ …ทาง รศ.ดร.สมชาย ระบุย้ำกรณีรัฐบาลทหารพม่า และสะท้อนการวิเคราะห์ “สถานการณ์น่าจับตา??”
ทั้งนี้ สำหรับ ’ประเทศไทย“ ที่มีชายแดน “อยู่ติดกับพื้นที่การสู้รบ” นักวิชาการท่านเดิมบอกว่า… ยิ่งต้องจับตามองและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ยิ่งต้องมีความพร้อมในการรับมือและการจัดการให้ดี เพราะจะ มีชาวพม่าทะลักเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งประชาชน ทหาร กองกำลังชนกลุ่มน้อย และการปะทะกันก็จะทำให้ มีกระสุนปืน หรือระเบิด ข้ามเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คนไทยในพื้นที่ที่ติดชายแดนได้รับความเดือดร้อน เกิดความเสียหายได้
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/04/VideoCapture_20240420-140550.jpg)
’ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่แสดงออกว่าเข้าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องป้องกันอธิปไตยเรื่องการรุกล้ำ แต่ก็ต้องดำเนินมาตรการตามหลักมนุษยธรรม ช่วยเหลือคนที่หนีเข้ามาในเขตอธิปไตยไทย ต้องป้องกันอาวุธต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อไทย และต้องพยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลาย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องให้มีความสงบมากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็อาศัยทำในนามของอาเซียน ให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจา“ …นี่เป็น ’สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำ“ ตามความเห็นของ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ และก็ได้ชี้ “ผลกระทบต่อไทย” มาด้วยว่า…
เรื่อง “การค้าชายแดน” หนีไม่พ้นได้รับผลกระทบเป็นจุด ๆ แต่พอการปะทะสงบก็จะค้าขายกันได้เหมือนเดิม เรื่อง “การ
ส่งออก-นำเข้า” น่าจะยังมีอยู่ แต่… “การลงทุน” จะมีปัญหาแน่…จะ “เจอปัญหาความไม่แน่นอนสูง…ยิ่งยืดเยื้อยิ่งกระทบ!!” การลงทุนบางอย่างเกี่ยวข้องกับรัฐบาล บางอย่างต้องชะงัก บางอย่างก็ต้องว่ากันใหม่เรื่องสัมปทาน
สรุปคือ ’ศึกข้างบ้านไทยก็มิใช่จิ๊บ ๆ“
ศึกล่าสุด ’เป็นสัญญาณจุดเปลี่ยน“…
แม้ซา ๆ ลง ’ไทยก็ต้องใส่ใจให้ดี“.
คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่