“จะมีงานเสวนาวันที่ 28-29 กันยายน 2567 เชิญหมอไทย 4 ภาคเข้ามาร่วมกันสัมมนาเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพร แพทย์แผนไทย นอกจากนี้ยังมีทีมนักวิชาการ ทีมนักวิจัย มาร่วมกับหมอแพทย์แผนไทย ให้เป็นการพิสูจน์ได้…“…นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการเปิดเผยกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้โดย พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาส “วัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก)“ อ.หลังสวน จ.ชุมพรซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่ง “คลังความรู้เรื่องศาสตร์ยาสมุนไพรไทย“ที่น่าสนใจ โดยวัดแห่งนี้นั้น…
“ช่วยคนด้วยสมุนไพรไทย“ ไว้มาก…
และ “จะมีการเสวนาสู่วิจัยที่น่าสนใจ“
ทั้งนี้ “วัดคีรีวงก์” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดน้ำตก” วัดนี้มีศาสตร์ยาสมุนไพรไทยที่รักษาโรคด้วย “ภูมิปัญญาและวิชาแพทย์แผนไทย“ สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น สานต่อเจตนารมณ์นี้มาแต่โบราณ เป็นอีกหนึ่งแหล่งแพทย์ทางเลือก ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ช่วยสนับสนุน ในปัจจุบันเป็นเสมือนโรงพยาบาล ช่วยแก้เจ็บแก้ป่วยที่คนทุกระดับชั้นเข้าถึงได้ โดยมี พระมหาขวัญชัย เจ้าอาวาส เป็นแกนหลัก ซึ่งได้เผยกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ว่า… วัดคีรีวงก์นี้เป็นเสมือนศูนย์เรียนรู้สืบสาน “ภูมิปัญญาแพทย์โบราณ” ตกทอดมาถึงปัจจุบันก็เป็นรุ่นที่ 6 ที่ยังคงมีการสืบสานเพื่อส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่
ภูมิปัญญาแพทย์โบราณที่วัดแห่งนี้สืบสาน ก็เช่น… ยาต้มแบบโบราณเพื่อการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน การรักษาผู้ที่ถูกสัตว์พิษต่าง ๆ กัด การนวด การประคบ การรักษากระดูก หัตถการต่าง ๆ ฯลฯอีกทั้งยังมีการสงเคราะห์ผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งนี่เป็นอีกแหล่งแพทย์ทางเลือกที่มีผู้ป่วยจากทั่วทุกสารทิศเดินทางไปเพื่อรักษา พึ่งพาให้ช่วยเหลือ
ช่วงที่ “โควิด-19” ระบาดหนัก ทางวัดนี้ก็ได้แจกจ่าย “ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร” ไปทั่วประเทศ รวมถึงในต่างประเทศ มากมายหลายล้านแคปซูล โดยมีชาวบ้าน ประชาชนที่มีจิตอาสาจากทั่วประเทศ มาร่วมกันลงขัน
ทาง พระมหาขวัญชัย ให้ข้อมูลกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ต่อไปว่า… “วัดคีรีวงก์” เป็นทั้งแหล่งผลิต อบรมและถ่ายทอดความรู้ เกี่ยวกับยาสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาโบราณในการรักษาโรค อีกทั้งยังเป็นศูนย์สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย
“อดีตเจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ พระครูมงคลศรี หรือหลวงปู่เจียม อติเมโธ ซึ่งเป็นปู่ของอาตมา หลังจากท่านได้มรณภาพไป อาตมาก็รับช่วงถ่ายทอดต่อ สร้างคน สร้างศูนย์ภูมิปัญญา ศูนย์เรียนรู้สมุนไพรไทย หมอพื้นบ้าน–หมอพร เพื่อที่จะเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้… 1.อาหาร ตู้ยาในบ้าน–ตู้ยาในครัว การดูแลสุขภาพด้วยเมนูอาหารเพื่อรักษาโรค คือกินอาหารให้เป็นยา 2.เป็นแหล่งฝึกอาชีพให้กับชาวบ้าน ในการแปรรูปทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เช่น ขมิ้นแช่อิ่ม มะกรูดแช่อิ่ม เป็นต้น เป็นการฝึกอาชีพให้ชาวบ้านมีรายได้ โดยใช้สมุนไพรในครัว ที่เป็นอาหารและเป็นยาด้วย โดยทางวัดเราเน้นเรื่องการถ่ายทอดภูมิปัญญาและการอนุรักษ์“…นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งจากการเปิดเผยไว้
นอกจากนี้ เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน วัดคีรีวงก์ หรือวัดน้ำตก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ยังระบุกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” อีกว่า…ปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายน มีผู้ป่วยเดินทางมาที่วัดประมาณ 27,000 คน เป็นมะเร็งถึงประมาณ 20,000 คน ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งมาขอพึ่งพาที่วัดนี้จากทั่วทุกสารทิศจำนวนมาก ซึ่ง โรคมะเร็งต่าง ๆ มันหนักขึ้นทุกวัน เพราะอาหารที่เป็นปัญหา เพราะเคมีต่าง ๆ จึงเห็นผู้คนป่วยเป็นโรคร้ายโรคนี้กันเยอะ ซึ่งทางวัดก็ช่วยให้การสงเคราะห์
“และเราคุยกับลูกศิษย์ที่เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ชวนให้ทำเอ็มโอยูร่วมกัน ถ้าหากอยากจะยกระดับยาไทยที่เป็นคัมภีร์โบราณมีมานับพันปีนี้ เพื่อให้ต่อสู้และตอบโจทย์กับการรักษามะเร็งได้ทั่วโลก มันต้องวิจัยเป็นหลักสากล เพราะเวลาเราไปพูด คนก็จะถามหางานวิจัย…งานวิจัย…“ …เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ระบุ
พร้อมทั้งบอกต่อไปว่า… จะมีการร่วมมือกันกับหลายมหาวิทยาลัย จัดเสวนา 28-29 กันยายน 2567 ที่วัดคีรีวงก์ เรื่อง “มะเร็งร้ายรับมือได้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด“มีหัวข้อย่อยคือ 1.มะเร็งป้องกันได้อย่างไร 2.แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพร 3.แลกเปลี่ยนประสบการณ์ 4.อบรมการใช้สมุนไพรในคัมภีร์ทิพย์มาลา 5.เก็บเคสจากผู้ป่วย 6.การสร้างเครือข่ายทั่วประเทศ ซึ่งมีนักวิจัยทั่วประเทศ 180 คนเก็บข้อมูล ประเมินเคส ติดตามเคส เช่น ผ่านไป 1 เดือนเป็นอย่างไรบ้าง ผลเลือดเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอันตรายต่อตับต่อไตไหม โดยตอนนี้พร้อมกับการทำวิจัย ซึ่งนี่คือเรื่องสำคัญที่สุด
“ตอนนี้ก็มีหมอที่เป็นลูกศิษย์ คือฐานพร้อมหมดแล้ว รอที่จะเสวนา เช่น ชำแหละว่าคนเป็นมะเร็งตับระยะ 1-2 ต้องรักษายังไง เอาคัมภีร์ทิพย์มาลามาใช้… เอาความรู้ที่หลวงปู่เจียมสอนอาตมา เอาประสบการณ์ที่อาตมารักษาผู้ป่วยมา นำมาถ่ายทอด แล้วขับเคลื่อนโดยมีหลักวิทยาศาสตร์ตอบโจทย์ให้กับหมอและคนไข้ และฝรั่งที่ดูถูกพวกเรา นี่เป็นที่มาเสวนาภูมิปัญญา 4 ภาค พร้อมทำงานวิจัยกับมะเร็งร้าย… ก็ขอเชิญชวน หมอแผนไทย ประชาชนทั่วไป และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาเข้าร่วมฟังเสวนาหมอ 4 ภาคได้ที่วัดคีรีวงก์หรือวัดน้ำตก“…ทาง พระมหาขวัญชัย ระบุ
ทั้งนี้ จากที่เป็น “คลังความรู้ศาสตร์ยาสมุนไพรไทย” ที่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น และมีการ “ช่วยรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ โดยใช้ภูมิปัญญาแพทย์ไทยโบราณ” ก็นับว่า “น่ารอดูผลวิจัยหาข้อพิสูจน์ยืนยัน“ ในอีกไม่ช้าไม่นาน…
“วิจัย“ ใช้ภูมิปัญญาแพทย์ไทยโบราณ
ก็น่า “รอดูผลวิจัยรักษาโรคที่ร้ายแรง“
และ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…มะเร็ง??“.